นายชัชพล ประสพโชค กรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูเอซี โกลบอล (UAC) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในครึ่งหลังปี 61 ของบริษัทฯยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากการเติบโตของธุรกิจเทรดดิ้งที่มีการขยายตัวตามความต้องการใช้จากอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ อาทิ กลุ่มธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ำมันและอุตสาหกรรมปิโตรเคมีต้นน้ำ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธุรกิจสารเคมีเหลว รวมทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ และตัวทำละลาย ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันหล่อลื่น สารเติมแต่งและตัวเร่งปฏิกิริยา และกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อการส่งออก
อีกทั้งธุรกิจไบโอดีเซลมีแนวโน้มการขยายตัวที่ดีขึ้น โดยในเดือน ก.ค.นี้ภาครัฐได้ปรับสัดส่วนไบโอดีเซล (B 100) ในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจาก B7 เป็น B20 สำหรับกลุ่มรถบรรทุก จะช่วยเพิ่มปริมาณความต้องการใช้ B100 ในประเทศ ทั้งนี้บริษัทฯเองถือหุ้นร้อยละ 30 ในบริษัท บางจาก ไบโอฟูเอล จำกัด น่าจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของยอดขายในไตรมาส 3 ได้เป็นอย่างดี
ประกอบกับธุรกิจอื่นๆ อาทิ โรงงานผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพจากหญ้าเนเปียร์ แม่แตง 2, โรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (PPP) , โรงไฟฟ้าเสาเถียรเอ , โรงไฟฟ้าประดู่เฒ่า , โรงงานผลิตไฟฟ้า พลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้ง บนหลังคา และโรงงานผลิตและจำหน่ายลาเท็กซ์อิมัลชันและลาเท็กซ์โพลิเมอร์ มีการทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมความพร้อมทางด้านการเงิน เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคต โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯได้รับการขยายวงเงินสินเชื่อประเภทเงินทุนหมุนเวียน ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย เป็นวงเงินรวม 1,187 ล้านบาท และล่าสุดได้ลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงิน จำนวน 350 ล้านบาทกับ บริษัท แฟคเตอรี แอนด์ อีควิปเมนท์ กสิกรไทย จำกัด (KF&E) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการขยายธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
รวมทั้งบริษัทฯยังประสบความสำเร็จจากการเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่าไม่เกิน 400 ล้านบาท อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.50 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ ประกอบกับแผนการย้ายหลักทรัพย์จาก mai ของ UAC เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นั้นคาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จได้ภายในไตรมาส 3/61 นี้
"จากความสำเร็จตลอดระยะเวลา 8 ปีในการเข้าซื้อขายในตลาด mai ที่ผ่านมาเป็นการยืนยันถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน สถาบันการเงิน และนักลงทุนสถาบันที่ให้การสนับสนุนบริษัทในช่วงที่ผ่านมา และการย้ายเข้า SET จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะเพิ่มความน่าสนใจให้กลุ่มนักลงทุนสถาบันที่สนใจเข้าลงทุนในบริษัทได้ในอนาคต" นายชัชพล กล่าว
ดังนั้น มั่นใจว่ารายได้ปีนี้เติบโตแตะระดับ 2,500 ล้านบาท และ มี EBITDA ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท ตามแผนการขยายธุรกิจทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจ Trading ด้านเคมีภัณฑ์ ที่มีการนำเข้าและจำหน่ายสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมัน โรงกลั่น และปิโตรเคมี ซึ่งยังมีทิศทางที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทฯวางกลยุทธ์ในการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเข้ามาจำหน่าย พร้อมกับยังคงรักษาฐานลูกค้าเดิม และ ขยายฐานลูกค้าใหม่ๆเข้ามาเพิ่มขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายรายได้ปีละ 3,000 ล้านบาทในปี 63