นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมามีความผันผวนค่อนข้างมาก โดยได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการลดสภาพคล่องของตลาดเงินทั่วโลก แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และความกังวลเกี่ยวกับสงความทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้เงินทุนต่างชาติไหลออกจากประเทศเกิดใหม่ไปลงทุนในกลุ่มประเทศที่ความเสี่ยงต่ำ
สำหรับประเด็นความกังวลหลักๆ มาจากสงความทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่อาจเป็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยเองก็ยังต้องมีการประเมินก่อนว่าผลกระทบจะมากน้อยเพียงได แต่โดยส่วนตัวมองว่าคงจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากประเทศไทยมีได้กระจายตลาดส่งออกไปยังหลายประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ 10% สหภาพยุโรป 10% ญี่ปุ่น 10% จีน 10% และทวีปเอเชียราว 20%
นายภากร กล่าวอีกว่า หากสถานการณ์หรือปัจจัยต่างๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ จะช่วยให้ตลาดหุ้นกลับมาฟื้นตัวได้ และเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้ามายังประเทศไทยอีกครั้ง เนื่องจากเศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง การลงทุนภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชนก็ค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวก็ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องด้วย
ดังนั้น จึงแนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนในกลุ่มหุ้นที่ได้มีผลกระทบจากปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นค่อนข้างน้อย มีความสามารถในการทำกำไรในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทจดทะเบียนไทยมีการปันผลเฉลี่ยราว 3% ขณะที่ปัจจุบันระดับ P/E ต่ำเพียง 15 เท่า
"ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก แต่เศรษฐกิจของประเทศไทย การทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การลงทุนภาครัฐ และเอกชนก็มีการขยายตัวที่ดี ขณะที่ตัวเลขของนักท่องเที่ยวก็ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าหากปัจจัยต่างๆ ได้รับการคลี่คลายจะทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมารีบาวด์ และเงินทุนต่างชาติก็จะไหลกลับเข้ามา ซึ่งแนะนำให้นักลงทุนให้เลือกกลุ่มหุ้นที่มีปันผลดี ความสามารถทำกำไรสูง โดยในช่วงวิกฤต ย่อมมีโอกาส"นายภากร กล่าว