นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ทางเทคนิค แต่ในกรอบที่จำกัดมากขึ้น เนื่องจากจะต้องระวังแรงขายระยะสั้น และการลดความเสี่ยง จากที่เงินทุนยังไหลออกจากตลาดเกิดใหม่
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย โดยให้ติดตามตัวเลข PMI ภาคบริการของทางญี่ปุ่น, จีน และยุโรป และยังต้องติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าด้วย แม้ว่าคืนนี้ตลาดสหรัฐฯจะปิดทำการเนื่องในวันชาติ
พร้อมให้แนวรับ 1,610-1,615 ถัดไป 1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,635-1,640 ถัดไป 1,650 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (3 ก.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,174.82 จุด ลดลง 132.36 จุด (-0.54%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,713.22 จุด ลดลง 13.49 จุด (-0.49%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,502.67 จุด ลดลง 65.01 จุด (-0.86%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 106.54 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 10.26 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 0.75 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 1.47 จุด,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.81 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.31 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.59 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 ก.ค.61) 1,626.62 จุด เพิ่มขึ้น 19.35 จุด (+1.20%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,277.67 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ก.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (3 ก.ค.61) ปิดที่ 74.14 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 ก.ค.61) ที่ 4.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.14 แข็งค่าจากวานนี้หลังมีแรงขายดอลล์ แต่แนวโน้มยังอ่อนค่ามองกรอบ 33.10-33.25
- นักลงทุนผวาสงครามการค้า บานปลายเทขาย "เงินหยวน" ฉุดสกุลเงินอื่นในภูมิภาคร่วงตาม ขณะ "เงินบาท" อ่อนต่อเนื่อง "แบงก์ชาติ" ลั่นเคลื่อนไหวสอดคล้องสกุลอื่นในภูมิภาค ย้ำไม่น่ากังวล เหตุพื้นฐานเศรษฐกิจไทยแกร่ง ประเมินแนวโน้มยังผันผวนต่อเนื่อง ขณะ "พีบีโอซี" สั่งเกาะติดค่าเงินหยวนใกล้ชิด ลั่นพร้อมดูแลให้มีเสถียรภาพ
- กกร.ปรับเป้าเศรษฐกิจ คาดปีนี้จีดีพีโต 4.3-4.8% ส่งออกโต 7-10% เงินเฟ้อโต 0.9-1.5% หวังรายได้เกษตรกรดีขึ้นดันการบริโภค คาดสงครามการค้ากระทบไม่มาก ด้านสรท.เห็นต่างคาดปัญหาจีน-สหรัฐกระทบส่งออกอไตรมาส 4 ปีนี้
- สมาคมตราสารหนี้ไทย คาดภาคเอกชนแห่ออกหุ้นกู้ ครึ่งปีหลังมากกว่า 4.3 แสนล้านบาท เหตุต้องระดมทุนรองรับการควบกิจการ และบริหารเงินรับมือแนวโน้ม ดอกเบี้ยขาขึ้น เผยเกิน 50% ใช้ รีไฟแนนซ์หนี้ มั่นใจยอดออกหุ้นกู้ ปีนี้ทะลุเป้า 7 แสนล้านบาท
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อ 3 ก.ค.61 อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2561 ครั้งที่ 2 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งวงเงินปรับเพิ่มขึ้นสุทธิ 8,774.83 ล้านบาท จากเดิม 1,760,174.04 ล้านบาท เป็น 1,768,921.87 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากแผนการก่อหนี้ใหม่ และแผนบริหารหนี้เดิมของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจลดลง 4,249.25 ล้านบาท จากเดิม 1,588,883 ล้านบาท เป็น 1,584,634.23 ล้านบาท และแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นที่ไม่ต้องขออนุมัติจาก ครม.เพิ่มขึ้น 13,024.08 ล้านบาท จากเดิม 171,263.56 ล้านบาท เป็น 184,287.64 ล้านบาท
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) เหลือที่ 7% จากตามกฎหมายที่ 10% ต่อไปอีก 1 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย. 2561 ขยายไปตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2561-30 ก.ย. 2562 ซึ่งประเมินว่าจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ 2.58 แสนล้านบาท
- ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงค่าเงินได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย เพราะมีความกังวลเรื่องกีดกันทางการค้า ส่งผลต่อค่าเงินในภูมิภาคและค่าเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง ประเด็นนี้ได้สร้างความกังวลต่อตลาดเงินและตลาดทุน
*หุ้นเด่นวันนี้
- TRITN-W3 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.ไทรทัน โฮลดิ้ง(TRITN)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน1,606,608,920 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 0.25 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปีนับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (30 พฤษภาคม 2561) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 1 ก.ค. 2562 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 28 พ.ค. 2564
- AEONTS (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 210 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/61 (มี.ค.-พ.ค.) ประมาณ 802 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 30%yoy จากยอดสินเชื่อที่เติบโตแข็งแกร่งและ NIM ยังทรงตัวในระดับสูง Valuation ยังถูกหากเทียบกับคู่แข่ง(AEONTS มี PE 11.7 เท่าเทียบกับ KTC ที่ 17 เท่า)
- BANPU (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 26 บาท ราคาถ่านหินล่าสุดทำจุดสูงสุดในรอบ 6 ปีที่ US$118 ต่อตัน ทำให้ราคาเฉลี่ย 2QTD อยู่ที่ US$105 ต่อตัน +1% Q-Q, +30% Y-Y จากปัญหาขาดแคลนถ่านหินในอินเดีย และความต้องการถ่านหินคุณภาพสูงจากจีน โดยคาด Q2/61 พลิกมามีกำไรราว 3.8 พันล้านบาท เพราะธุรกิจหลักฟื้นตัว, ไม่มีค่าปรับแพ้คดีเหมือน Q1/61 และคาดมีกำไรจาก FX ราว 1 พันล้านบาท ส่วนกำไรทั้งปีคาด 1.08 หมื่นล้านบาท +37% Y-Y ด้าน PE2561 ต่ำเพียง 9 เท่า PEG แค่ 0.5 เท่า และ PBV ใกล้เคียง 1 เท่า Downside ในเชิง Valuation ถือว่าจำกัดมาก
- SPA (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 16.90 บาท หลังราคาหุ้นปรับตัวลง 30% จนมา PEG valuation ลดลงมาสู่ระดับที่สมเหตุสมผลกับการเติบโตปีนี้ ขณะที่แนวโน้มกำไร Q2/61 และ อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดจะอ่อนตัวลงเพียงตามฤดูกาล แต่นั่นจะเป็นจุดต่ำสุดของปี 2561 ขณะที่แนวโน้ม 2H61 กำไร และ GPM คาดจะเร่งตัวขึ้นอย่างโดดเด่นจากฐานจำนวนสาขาใหม่ของสปา 4 ดาวที่จะอัดเพิ่มเข้าอีก 3-4 สาขาในพื้นที่ศักยภาพสูงย่านประตูน้ำ โดยปรับปรุงคาดการณ์กำไรปี 2561-62 ขึ้น 5-6% สะท้อน GPM ฟื้นคืนชีพ