(เพิ่มเติม1) BEAUTY เปิดเวทีชี้แจงทุกข่าวลือทุบหุ้นร่วง ยันไม่มีออร์เดอร์ปลอม-มาตรฐานการผลิตดี,มั่นใจรายได้ปีนี้โตแม้ Q2/61 สะดุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 4, 2018 12:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) เปิดเวทีชี้แจงทุกข่าวลือที่เป็นสาเหตุให้ราคาหุ้นร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยยืนยันว่าไม่มีการปลอมออร์เดอร์ดันยอดขายโต เพราะทุกออร์เดอร์ได้รับเงินสดในชำระค่าสินค้าเป็นส่วนใหญ่ และ ใช้ผู้สอบบัญชีที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงมีความเชื่อถือได้

ส่วนกระแสข่าวเกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตนั้น บริษัทยืนยันว่าซัพพลายเออร์ที่ผลิตสินค้าในเครือ BEAUTY ทุกรายที่มีอยู่กว่า 10 ราย ทั้งในไทย เกาหลี ญี่ปุ่น และเยอรมนี มีมาตรฐานดี

ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทยังมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 4,290 ล้านบาท และรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 20% แม้ว่าในไตรมาส 2/61 รายได้จะพลาดเป้าไปบ้างหลังจากความนิยมสินค้า BEAUTY COTTAGE ลดลง แต่เชื่อว่าการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจน่าจะทำให้ครึ่งปีหลังดีขึ้น

"ข่าวลือที่เกิดขึ้นก็เป็นเพียงข่าวที่เขาบอกว่า เขาเล่าว่า เท่านั้น ที่ผ่านมาหนักสุดเลยคือมีข่าวลือว่าผมจะตาย ผมยืนยันนะครับว่าผมยังแข็งแรงยังดีอยู่ เรายังคงทำงานหนักท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงไป ตัวผมยังเป็นผู้กำหนดนโยบายของบริษัท และผมไม่ได้ไปทำธุรกิจอื่นอีกแน่นอน เพราะผมทำงานสายนี้มานาน จะให้ไปทำอย่างอื่นผมคงทำไม่เป็น"นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BEAUTYกล่าว

นายแพทย์สุวิน กล่าวว่า บริษัทไม่ได้มีการทำคำสั่งซื้อปลอมขึ้นมาอย่างแน่นอน ทุกออร์เดอร์เป็นยอดขายที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด และได้รับเงินสดในการชำระค่าสินค้ามากกว่า 90% นอกจากนั้น BEAUTY เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นปีที่ 6 แล้ว ใช้ผู้สอบบัญชีที่มีมาตรฐานเชื่อถือได้และได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต.มาโดยตลอด

ส่วนข่าวลือที่ว่าซัพพลายเออร์ไม่ผ่านมาตรฐานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทำให้ต้องงดผลิตสินค้าป้อนให้กับบริษัทนั้น ก็ไม่เป็นความจริง โดยบริษัทเลือกใช้โรงงานผลิตที่หลากหลายมากกว่า 10 บริษัททั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีมาตรฐาน ขณะที่สินค้าของบริษัทได้ผ่านการรับรองของ อย.และมาตรฐาน GMP ตลอดจนยังได้รับจ้างผลิตสินค้าให้แบรนด์ดังทั่วโลก

นายแพทย์สุวิน ยังระบุว่า ขณะนี้ไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน แม้ว่าราคาจะปรับลงไปมาก แต่จะเน้นการบริหารธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้ผลประกอบการออกมาดีตามเป้าหมาย พร้อมทั้งยืนยันว่าตนเองและครอบครัวจะยังคงนโยบายที่จะถือหุ้น BEAUTY ไม่ต่ำกว่า 20% ต่อไป เพื่อให้มีอำนาจในการกำหนดนโยบายของบริษัท

"ถึงแม้ที่ผ่านมาส่วนตัวจะมีการขายหุ้น Big Lot มาหลายครั้ง แต่ก็ยืนยันว่าหลังจากนี้จะไม่มีการขายหุ้นออกมาอีกแล้ว จะรักษาสัดส่วนการถือหุ้นของส่วนตัวและครอบครัวไม่ต่ำกว่า 20% จะยังเป็นผู้บริหารที่สามารถกำหนดนโยบายได้"นายแพทย์สุวิน กล่าว

ในด้านผลประกอบของบริษัท นายแพทย์สุวิน กล่าวว่า ภาพรวมผลกำไรทั้งปี บริษัทยังคงมันว่าจะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 1,229.32 ล้านบาท โดยจะเป็นการเติบโตตามกำลังซื้อที่จะมากขึ้น และในช่วงครึ่งปีหลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นด้วย ซึ่งบริษัทฯเน้นการขยายยอดขายในทุกๆช่องทางการจำหน่าย และออกสินค้าใหม่เข้ามากระตุ้นตลาดเพิ่มเติมด้วย

แม้ว่ารายได้ไตรมาส 2/61 อาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเป็นผลมาจากความนิยมของสินค้าแบรนด์ BEAUTY COTTAGE ลดลง แต่ในวันที่ 5 ก.ค. บริษัทเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ คือ BEAUTY COTTAGE LUXURY เพื่อกระตุ้นความนิยมและความต้องการของตลาด จึงมั่นใจว่าทั้งปีจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้คือมีรายได้ไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่ 4,290 ล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 20%

ประกอบกับ บริษัทมองว่าแนวโน้มธุรกิจค้าปลีกเครื่องสำอางในช่วงครึ่งปีหลังยังสามารถเติบโตได้ในเกณฑ์ที่ดี เนื่องจากกำลังซื้อของกลุ่มผู้บริโภคยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมีปริมาณเพิ่มขึ้น และเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของแฟชั่นที่เกิดความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เทรนด์ใหม่ ซึ่งถือเป็นการเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจและสินค้าของ BEAUTY

ในครึ่งปีหลังบริษัทจะขยายสาขาของทุก Shop Brand ในประเทศ ทั้งในต่างจังหวัด หัวเมืองท่องเที่ยว และในกรุงเทพฯ พร้อมกันนั้น บริษัทยังพัฒนาสินค้าและขยายช่องทางการจำหน่ายเข้าสู่ตลาดคอนซูเมอร์ที่เป็น Mass Market เพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับ 7-11 และปรับขนาดสินค้าเพื่อให้เหมาะสมกับการวางจำหน่ายใน 7-11 กว่า 1 หมื่นสาขาภายในปีนี้

ปัจจุบัน BEAUTY มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 348 สาขา แบ่งเป็น BEAUTY BUFFET 265 สาขา BEAUTY COTTAGE 75 สาขา BEAUTY MARKET 8 สาขา อีกทั้งยังมีจุดขาย ณ คิง พาวเวอร์ 8 สาขา 22 จุดจำหน่าย วางจำหน่ายสินค้าผ่าน 7-11 จำนวน 650 สาขา และ Boots 145 สาขา

ด้านตลาดต่างประเทศ บริษัทยังมุ่งเน้นช่องทางขายรูปแบบใหม่ Cross-border E-commerce หรือ การขายออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้รุกขยายไปในจีนแล้ว ปัจจุบัน BEAUTY มีช่องทางจำหน่ายในอีคอมเมิร์ซทั้ง 5 เว็บไซต์สำคัญของจีน ได้แก่ TMALL, KAOLA, VIP, YUNJI และ JD ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซใหญ่อันดับต้น ๆ ของจีน โดยบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายสำหรับ 5 แพลตฟอร์มไว้ไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท/ปี ซึ่งจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้

นอกจากนี้ยังมีการขยายตลาดเชิงรุกในต่างประเทศมากขึ้น โดยเน้นการสร้าง "Shop License" และ "Product Distributor" ในกลุ่มประเทศ AEC ซึ่งรูปแบบการขายสินค้าจะเป็นช่องทางการจำหน่ายที่เข้าถึงง่ายทั้ง Offline Retailer และ Online Retailer ที่ได้รับความนิยมในแต่ละประเทศ อีกทั้งได้มีตัวแทนจำหน่ายใน 9 ประเทศเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว คือ ในรูปแบบ Independent Shop จำนวน 17 สาขา ที่ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม รูปแบบ Counter sale จำนวน 10 จุดจำหน่ายที่ลาวและเมียนมา และรูปแบบ Shop in Shop จำนวน 131 จุดจำหน่าย คือ ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย อินโดนีเซีย

และในไตรมาส 3 มีแผนจะเซ็นสัญญาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายใน 3 ประเทศ คือตะวันออกกลาง สิงคโปร์ และกัมพูชา โดยจะมีการจัดประชุม Annual Meeting ตัวแทนจำหน่ายพร้อมกันทั้ง 11 ประเทศเพื่อวางแผนขยายตลาดสู่ความเป็นรีจินอลแบรนด์ (Regional Brand)

"ข่าวลือที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นผลกระทบต่อราคาหุ้น แต่เราก็ได้แก้ข่าวลือต่างๆไปแล้ว ซึ่งเราก็ยังยืนยันศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ในขณะเดียวกันเรามีช่องทางการขายที่หลากหลาย และแบรนด์เป็นที่ยอมรับ คงจะช่วยลดผลกระทบที่เกิดในระยะสั้นได้"

อนึ่ง ราคาหุ้น BEAUTY ล่าสุดอยู่ที่ 10.30 บาท ลดลง 2.70 บาท หรือ 20.77%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ