ตลาดหุ้นไทยท้ายภาคเช้าพลิกบวกกว่า 10 จุดกลับขึ้นมายืนเหนือ 1,600 จุด เป็นการรีบาวด์ทางเทคนิคหลังปรับตัวลงไปแรงต่อเนื่องจนถึงระดับแนวรับด้านจิตวิทยาอีกครั้ง โดยตลาดหุ้นวันนี้ผันผวนค่อนข้างมากตามแรงขายทำกำไรและแรงซื้อกลับ
เมื่อเวลา 12.07 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,611.42 จุด เพิ่มขึ้น 10.00 จุด (+0.62%)
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.24 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,609.78 จุด เพิ่มขึ้น 8.36 จุด (+0.52%)
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีปรับตัวขึ้นกว่า 10 จุด จากแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นบางกลุ่ม นำโดยหุ้นกลุ่มแบงก์ แต่ยกเว้นหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากดัชนีได้ปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับที่1,584-1,587 จุด
ส่วนช่วงบ่ายมองว่ายังประเมินทิศทางดัชนีค่อนข้างยาก เนื่องจากยังต้องรอติดตามสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนอย่างใกล้ชิด รวมถึงทิศทางตลาดหุ้นยุโรป แต่หากดัชนียังปรับตัวลง ขณะนี้คาดว่าแนวรับที่ 1,600 จุดน่าจะสามารถรับอยู่ พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,600 จุด และแนวต้าน 1,620 จุด
ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 10.28 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,589.62 จุด ลดลง 11.80 จุด (-0.74%)
น.ส.จิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ดัชนีช่วงเช้าเปิดตลาดปรับตัวลงไปกว่า 10 จุด น่าจะมีปัจจัยมาจากนักลงทุนเริ่มขาดความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย หลัง P/E ปรับตัวขึ้นไปสูง โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มเครื่องสำอาง อย่าง BEAUTY และกลุ่มพลังงาน ส่งผลต่อ Sentiment เชิงลบในภาพรวม ซึ่งถือว่าอ่อนแอกว่าภูมิภาคโดยรวม
ขณะเดียวกันนักลงทุนยังรอดูสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่จะเริ่มตอบโต้กันด้วยการเก็บภาษีนำเข้าในวันนี้เป็นวันแรก แต่อย่างไรก็ตามประเมินว่าในปีนี้ประเทศไทยน่าจะได้รับผลกระทบในวงจำกัด เนื่องจากการดำเนินนโยบายดังกล่าวจะเริ่มในครึ่งปีหลัง ซึ่งกลุ่มแรกที่จะได้รับผลกระทบน่าจะเป็นประเทศผู้ผลิตอุตสาหกรรมต้นน้ำ เช่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน เป็นต้น และน่าจะส่งผลมาถึงประเทศไทยอย่างชัดเจนในปีหน้าเป็นต้นไป
แนะนักลงทุนในระยะสั้นนี้ควรชะลอการลงทุน และถือเงินสด เพื่อรอดูดัชนีและแรงขายประกอบกัน คาดว่าดัชนีน่าจะปรับตัวลงไปต่อ หรือทำ New Low อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะเป็นจุดที่น่าสนใจในการเข้าซื้อหรือลงทุนได้ พร้อมให้กรอบแนวรับ 1,585 จุด และแนวต้าน 1,610 จุด