นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้น โดยได้รับปัจจัยบวกจากต่างประเทศ ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดยุโรปต่างปรับตัวขึ้น อีกทั้งตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐแข็งแกร่ง และราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นด้วย เป็นผลดีต่อตลาดหุ้นไทย
ส่วนบ้านเราเงินบาทก็เริ่มชะลอการอ่อนค่า ทำให้แรงขายของนักลงทุนต่างชาติน่าจะแผ่วลง อย่างไรก็ดี สัปดาห์นี้ยังต้องติดตามความคืบหน้าสงครามการค้า และตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ รวมถึงตัวเลขการค้าของจีน ส่วนบ้านเราก็เริ่มจะทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ รวมทั้งบริษัทฯในสหรัฐฯด้วย
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวกราว 0.1-0.5%
พร้อมให้แนวรับ 1,595-1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,625-1,630 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 ก.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,456.48 จุด เพิ่มขึ้น 99.74 จุด (+0.41%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,759.82 จุด เพิ่มขึ้น 23.21 จุด (+0.85%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,688.39 จุด เพิ่มขึ้น 101.96 จุด (+1.34%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 50.39 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.22 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 290.54 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 30.33 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.05 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.97 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.10 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 ก.ค.61) 1,614.76 จุด เพิ่มขึ้น 13.34 จุด (+0.83%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,740.42 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ก.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 ก.ค.61) ปิดที่ 73.80 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ก.ค.61) ที่ 5.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.12 แข็งค่าหลังมีแรงขายดอลล์ มองกรอบวันนี้ 33.05-33.20
- "ศิริ" มอบ สนพ.เร่งศึกษาทบทวนมาตรการตรึงราคาแอลพีจีภาคครัวเรือน 363 บ./ถัง 15 กก.ให้สอดรับราคาแอลพีจีตลาดโลกและกองทุนน้ำมันฯ หลังพบบัญชีแอลพีจีล่าสุดเหลือแค่ 99 ล้านบาทส่อเค้าหมดหน้าตัก ยืนยันยังไม่เลิกตรึงราคา เตรียมสรุปเสนอ กบง.ครั้งหน้า พร้อมเร่งสรุปการบริหารจัดการเอสพีพีที่จะหมดสัญญา
- วงการโบรกเกอร์เตือนระวังลงทุนหุ้น "พี/อี"สูงชี้หลายตัวส่งสัญญาณฟองสบู่แตก พบหุ้น 62 บริษัททำสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เหตุผู้ลงทุนผิดหวังผลดำเนินงาน-ผู้บริหารขายทิ้ง ห่วงตลาดหุ้นเข้าเขตอันตรายดัชนีส่อฟื้นตัวยาก เผยหุ้นหลายตัวนักลงทุนพร้อมขายทิ้งหากมีสัญญาณเสี่ยง
- พาณิชย์เผยดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือน มิ.ย.61 เพิ่มขึ้น 4.4% สูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 และสูงสุดในรอบ 6 ปี นับจากปี 55 เหตุความต้องการใช้เพิ่มจากการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล หุ้นกลุ่มรับเหมาฯ จับตาการลงทุนครึ่งปีหลัง
- รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.นี้ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ 11 แห่ง จะเป็นกลุ่มแรกที่ทยอยรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/61 คาดแต่ละแห่งได้รับผลกระทบจากการประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนใช้ช่องทางนี้มากขึ้น ส่งผลให้รายได้ของกลุ่มธนาคารที่ได้จากค่าธรรมเนียมปรับลดลงตามไปด้วย
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPF (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 31.10 บาท ราคาหมูในเวียดนามฟื้นตัวอย่างมีนัย และราคาหมูในไทยเพิ่มขึ้นคาดจะทำให้งบ Q2/61 ฟื้นเป็นกำไรหลังจากขาดทุนติดต่อกัน 2 ไตรมาส ส่วนกำไรสุทธิจะเติบโตสูงเนื่องจากรายการพิเศษ ผลการดำเนินงานของ CPF มีแนวโน้มค่อย ๆ ฟื้นตัวใน H2/61 จากราคาหมูและไก่ในไทยคาดจะเริ่มฟื้นตัวจากการที่ภาวะ Oversupply ผ่อนคลายลง
- BBL (เอเอสแอล) "ซื้อ" เป้า 229 บาท มีมุมมองเป็นบวกต่อการเติบโตของสินเชื่อในปี 61 จาก (1) แนวโน้มของเศรษฐกิจไทยปี 61 คาดการณ์โตได้ดีต่อเนื่อง และ (2) การลงทุนของภาครัฐในโครงการของขนาดใหญ่ จะเข้ามาในช่วง H2/61 ด้านราคาที่ปรับตัวลงจากช่วงต้นปีจาก ปัจจัยการยกเลิกค่าธรรมเนียมธุรกรรม Online จนปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่า BVPS จึงมองผลกระทบจากประเด็นดังกล่าวค่อนข้างจำกัด และเป็นโอกาสให้การเข้าสะสม
- IVL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 75 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/61 เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 7.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29%qoq และ 155%yoy จากปริมาณขายและสเปรดมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น
- DDD (กสิกรไทย)"ซื้อ"เป้า 58 บาท มีตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่ง นับเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคาสินค้าระดับพรีเมี่ยมได้เมื่อเทียบกับคู่แข่ง และสามารถขยายช่องทางการขายอื่นๆ ได้แก่ ร้าน King Power Duty Free และร้านค้าทั่วไป มองว่าเป็นช่องทางที่สำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตด้านรายได้