นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างดิ่งลงแรงราว 1.5-2% หลังนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้ออกมาว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ โดยจะเรียกเก็บในอัตรา 10% ตั้งแต่สินค้าเพื่อผู้บริโภคไปจนถึงสินค้าด้านการเกษตร ซึ่งถือเป็นข่าวใหญ่สำหรับวันนี้ ดังนั้น คงจะต้องรอดูการตอบโต้จากจีน ซึ่งคงจะตอบโต้ได้ยากอยู่
ทั้งนี้ จีนอาจจะต้องเปิดเจรจากับสหรัฐฯอีก ซึ่งจีนคงจะรู้แล้วว่าอาจจะต้องยอมทำตามในบางประการ อย่างการค้าที่ไม่เป็นธรรมในช่วงก่อนหน้านี้, การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ, การเปิดตลาดให้สหรัฐฯมากขึ้น รวมถึงอาจจะเลิกเก็บภาษีจากสหรัฐฯ เป็นต้น ซึ่งหากจีนยอมก็จะเป็นข่าวบวกต่อตลาดฯ
พร้อมให้แนวรับ 1,620 จุด แนวต้าน 1,634 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 ก.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,919.66 จุด พุ่งขึ้น 143.07 จุด (+0.58%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,793.84 จุด เพิ่มขึ้น 9.67 จุด (+0.35%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,759.20 จุด เพิ่มขึ้น 3.00 จุด (+0.04%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 194.75 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 16.94 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 668.53 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 63.25 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 46.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 35.40 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.08 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ลดลง 38.77 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 12.44 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ก.ค.61) 1,643.60 จุด เพิ่มขึ้น 20.64 จุด (+1.27%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,383.20 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ก.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 ก.ค.61) ปิดที่ 74.11 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือเกือบ 0.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ก.ค.61) ที่ 5.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.25 อ่อนค่าจากวานนี้ จากความกังวลเรื่องสงครามการค้า มองกรอบ 33.20-33.30
- ครม.เคาะกฎหมายรีดภาษีลาภลอย ได้รับประโยชน์จากการก่อสร้างโครงการรัฐ เริ่มต้นเก็บห้องชุด-ที่ดินมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท รอบรัศมีโครงการก่อสร้าง 5 กิโลเมตร เสียภาษีไม่เกิน 5% คาดบังคับใช้ได้ปี 2562
- "สมคิด" เตรียมจัดคณะเยือนของญี่ปุ่น วันที่ 17-21 ก.ค.นี้ พร้อมจัดสัมมนาใหญ่พบผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอากาศยาน อาหารทางการแพทย์ เครื่องจักร และ หุ่นยนต์-ระบบอัตโนมัติ ดึงลงทุนในอีอีซี
- "สุพพัต อ่องแสงคุณ" รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยวันที่ 16 ก.ค.นี้ จะปรับคาดการณ์เป้าหมายการส่งออกของไทยในปีนี้ใหม่ เนื่องจากภาพรวมการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรก ขยายตัวได้มากกว่า 11% จึงมั่นใจว่าภาพรวมการส่งออกทั้งปี น่าจะขยายตัวได้มากกว่าที่คาดไว้เดิมที่ 8% อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งปีหลัง ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ ปัญหาสงครามการค้า สถานการณ์ราคาน้ำมัน ตลาดหุ้น และอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังคงผันผวนต่อเนื่อง
*หุ้นเด่นวันนี้
- CGD-W4 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ (CGD) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวนหน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน 1,652,865,654 หน่วย อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท/หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 2.75 บาท กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 28 ธ.ค.61 และใช้สิทธิครั้งสุดท้าย วันที่ 26 มิ.ย.64
- HMPRO (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 15.80 บาท ช่วง Q2/61 คาดกำไรโต 17%YoY หลังยอดขายสาขาเดิมยังบวก 3%YoY และมีมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากสัดส่วนยอดขายสินค้า Direct Sourcing สูงขึ้นอีกทั้งรับรู้ยอดขายสาขาใหม่ที่ยังขยายสาขาต่อเนื่องตามแผนโดยเน้นไปที่รูปแบบโฮมโปร S ซึ่งมีศักยภาพทำกำไรสูงหนุนปี 61 คาดกำไรโต 12.6%YoY + Upside 10.5%
- TISCO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 98 บาท คาดกำไร Q2/61 (ประกาศเย็นนี้) จะออกมาดีสุดในกลุ่ม ที่ 1.8 พันล้านบาท +4% Q-Q, +22% Y-Y เพราะรายได้เพิ่มขึ้นจากพอร์ตที่ซื้อมาใหม่ และผลตอบแทนของเงินให้สินเชื่อสูงขึ้นจาก Consumer Finance ซึ่งถ้าเป็นไปตามคาด จะทำให้กำไร H1/61 โตถึง 28% Y-Y ดีกว่ากลุ่มที่คาด -3% Y-Y ทั้งนี้ ไม่ได้รับผลกระทบจากฟรีค่าธรรมเนียมการโอน รวมถึงประเด็นสงครามการค้าเพราะสินเชื่อส่วนใหญ่พึ่งพิงการบริโภคในประเทศ อีกทั้ง เป็นหุ้นปันผลดีที่คาดจ่ายสูงเฉลี่ย 6% ต่อปี (ปีละครั้ง)
- TOP (เอเอสแอล) "ซื้อ"เป้า 108 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/61 อยู่ที่ 4.7 พันล้านบาท ลดลง 15%QoQ แม้จะมีกำไรพิเศษจำนวนมาก แต่ไม่เพียงพอชดเชยผลกระทบจาก Margin ในกลุ่มธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมีที่ลดลง แนวโน้มกำไรปกติ Q3/61 จะกลับมาฟื้นตัว จากการคาดหมายที่จะเห็นค่าการกลั่นกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง ทำให้ปรับน้ำหนักการลงทุนหุ้นในกลุ่มธุรกิจการกลั่นจาก Underweight เป็น Neutral