หุ้น MK บวก 25.45% มาที่ 4.14 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.84 บาท สวนทิศทางตลาดหุ้นไทยที่ร่วงลง 0.83% โดยเมื่อเวลา 9.59 น. หุ้น MK มีมูลค่าซื้อขาย 74.55 ล้านบาท โดยราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 4.10 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 4.14 บาท และทำระดับต่ำสุดที่ 4.10 บาท
บมจ.ศุภาลัย (SPALI) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (10 ก.ค.) มีมติให้บริษัท ศุภาลัย พรอพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SPM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นอยู่ 99.99% ทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมด 100% หรือจำนวน 992.01 ล้านหุ้น ใน บมจ.มั่นคงเคหะการ (MK) โดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer) ในราคาหุ้นละ 4.10 บาท รวมเป็นมูลค่าประมาณ 4.07 พันล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขว่า SPM จะทำการยกเลิกคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมด หากเมื่อสิ้นสุดระยะเวลารับซื้อแล้วมีผู้เสนอขายหุ้นจำนวนน้อยกว่า 25% โดยราคาเทนเดอร์ฯหุ้น MK สูงว่าราคาปิดตลาดเมื่อวานนี้ซึ่งอยู่ที่ระดับ 3.30 บาท
ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ จะเป็นโอกาสการลงทุนในบริษัทซึ่งมีทรัพย์สินที่บริษัทสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ เช่น ที่ดินเปล่า โครงการอสังหาริมทรัพย์ระหว่างการพัฒนา เป็นต้น , โอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการที่บริษัทและ MK มีจุดเด่นและความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน โดยการผสานทรัพยากรด้านความรู้ ความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี รูปแบบสินค้า ตราสินค้า การก่อสร้าง การจัดซื้อ ความแข็งแกร่งทางการเงิน และบุคลากร อีกทั้ง เพิ่มอำนาจต่อรองกับผู้รับเหมาในการจัดหาวัตถุดิบและการก่อสร้าง เนื่องจากมีขนาดการลงทุนและการก่อสร้างรวมที่มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในระยะยาวและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจในด้านต่าง ๆ
ตลอดจนเพิ่มโอกาสในการเติบโตของบริษัทจากการขยายธุรกิจและการลงทุนไปยังธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าและบริการ และยังเป็นโอกาสการขยายลงทุนให้ครอบคลุมประเภทของสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าและบริการ และเพิ่มสัดส่วนรายได้จากรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ (Recurring Income) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงด้านผลประกอบการโดยการกระจายรายได้ให้มาจากหลากหลายประเภททรัพย์สิน
สำหรับแหล่งเงินลงทุนในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ SPM จะได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากบริษัทโดยการเพิ่มทุน และ/หรือการกู้ยืมจากบริษัท และ/หรือได้รับการสนับสนุนจากบริษัทในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน สำหรับทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของกิจการ
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทเห็นว่าการเข้าทำรายการมีความสมเหตุสมผล และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น เนื่องจากราคาเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของกิจการในครั้งนี้ เป็นราคาที่เหมาะสม นอกจากนั้นการทำรายการดังกล่าวจะช่วยสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตของบริษัทในอนาคต