นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า กรณีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตจำนวนมากในเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตเมื่อต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมานั้น อาจเกิดผลกระทบระยะสั้น 2-3 เดือนต่อกรุ๊ปทัวร์จีนที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ยังอยู่ในข่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (low season) ดังนั้น จะต้องติดตามในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หรือช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.นี้ ที่เข้าสู่ตารางบินฤดูหนาวว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนจะลดลงหรือไม่ หากจำนวนเที่ยวบินจากจีนลดลงทั้งในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง ก็จะมีหลายสายการบินรอเข้ามาแทนที่ในตารางการบิน
ปัจจุบัน AOT มีจำนวนผู้โดยสารจากจีนมีสัดส่วนสูงสุดที่ 26% ของจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 130 ล้านคนรวมทั้ง 6 ท่าอากาศยาน รองลงมาเป็นผู้โดยสารไทย 18%
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT ยังยืนยันเป้าหมายการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารในงวดปีนี้ (สิ้นสุด ก.ย.61) เติบโต 9-10% จากปีก่อน โดยในรอบ 8 เดือนของปี 60/61 (ต.ค. 60- พ.ค.61) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีผู้โดยสารใช้บริการท่าอากาศยาน 6 แห่งของ ทอท.จำนวน 95,536,222 คน เพิ่มขึ้น 9.88%
อย่างไรก็ตาม นายนิตินัย กล่าวว่า ในระยะยาวไม่น่าเป็นห่วง เพราะปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยเพียง 10% ของคนจีนที่มีหนังสือเดินทาง 7.5% ของประชากรของจีน และเห็นว่าแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มีหนังสือเดินทาง (Passport) จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เทียบกับมีชาวจีนที่มีขณะที่สหรัฐฯ มีหนังสือเดินทาง 40% ของประชากร และอังกฤษมี 60%
ส่วนการดำเนินการเปิดประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรีภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายนิตินัย คาดว่าในปลายเดือน ก.ค.-ต้นเดือน ส.ค.นี้จะออกร่างหลัเกณฑ์การประกวดราคา (TOR) ได้ และจะสามารถดำเนินการประมูลแล้วเสร็จภายในปี 61
นายนิตินัย กล่าวว่า บริษัทเตรียมปรับรูปแบบการให้บริการ การพาณิชย์ และการบริหารงานภายในองค์กร รวมถึงการเชื่อมโยงการทำงานกับองค์กรอื่นให้อยู่บนโลกเสมือนจริง (Digital Platform) ของทั้ง 6 ท่าอากาศยาน ที่คาดใช้งบลงทุน 300-400 ล้านบาท ในการดำเนินการเฟสแรกในไตรมาส 1-2/61 ที่จะให้บริการ 3 ท่าอากาศยานก่อนคือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และ ภูเก็ต โดยจะเปิดตัว AOT Application ตั้งเป้าเบื้องต้นยอดดาวน์โหลดอย่างน้อย 1 ล้านคน โดยแอพฯนี้จะช่วยผู้โดยสารแสดงแผนที่ภายในสนามบิน การให้ข้อมูลต่างๆ โดยระยะต่อไปจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลของท่าอากาศยานในต่างประเทศที่มีความร่วมมือในบันทึกข้อตกลงระหว่างท่าอากาศยาน (Sister Airport Agreement : SAA) กับ AOT จำนวน 16 สนามบิน โดยเฉพาะในเอเชียแปซิฟิก
ปัจจุบัน AOT บริหาร 6 ท่าอากาศยาน ได้แก่ สุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, ภูเก็ต, หาดใหญ่, เขียงใหม่ และ เขียงราย
"นวัตกรรมถือเป็นหัวใจหลักในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงธุรกิจของ ทอท.ซึ่ง ทอท.ได้ปรับรูปแบบการให้บริการ Digital Platform ไปสู่ยุค Thailand 4.0 รวมถึง ระบบการตัดสินใจในการบริหารท่าอากาศยานร่วมระหว่างหน่วยงาน (Airport Collaborative Decision Making : A-CDM) และการพัฒนา AOT Application ที่จะช่วยการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารในรูปแบบต่างๆ อีกทั้งช่วยให้การบริการของ ทอท.มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วย"นายนิตินัย กล่าว
นอกจากนั้น ทอท.ได้ใช้เวทีนี้ในการหาเครือข่ายการขนส่งผ่านศูนย์ตรวจสอบและรับรองคุณภาพสินค้าก่อนส่งออก (Certify Hub) เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าการเกษตรในระดับภูมิภาคต่อไป
ส่วนการรับมอบท่าอากาศยาน 4 แห่งจากกรมท่าอากาศยาน (ทย.) มาบริหารนั้น นายนิตินัย คาดในเบื้องต้นจะใช้งบลงทุนเพื่อปรับปรุงสนามบินทั้งหมดไม่เกิน 1.5 พันล้านบาท โดยจะเน้นการปรับปรุงไปที่ท่าอากาศยานอุดรธานีที่มีเป้าหมายจะให้เป็น Hub หรือศูนย์ปฏิบัติการในภาคอีสาน ซึ่ง AOT ยังไม่มี Hub ในภาคอีสาน ซึ่งจะวางมาตรการสากลทั้งด้านความปลอดภัยและความั่นคง (Safety and Security)ขององค์การการบินพลเรือน(IATA) เพื่อรองรับเส้นทางระหว่างประเทศ
อนึ่ง ท่าอากาศยานที่รับมอบจาก ทย. จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานอุดรธานี ท่าอากาศยานสกลนคร ท่าอากาศยานชุมพร และท่าอากาศยานตาก ซึ่งขณะนี้กระทรวงคมนาคมพิจารณา เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาต่อไป