SENA เปิดตัวโครงการใหม่ร่วมทุน"ฮันคิว"เล็งจับมือรุกธุรกิจโรงแรม,ศึกษาพัฒนาคอนโดฯใน EEC

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 12, 2018 15:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดตัวโครงการที่ 3 "ปีติ เอกมัย" (PITI EKKAMAI) ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่แบรนด์ใหม่ ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับ บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ปเปอร์เรชั่น หลังจากเปิดตัวมาแล้ว 2 โครงการ

ขณะเดียวกัน บริษัทก็มีความสนใจขยายไปยังโรงแรมและอาคารสำนักงานเพิ่มเติม เนื่องจาก ฮันคิว เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจดังกล่าว ทำให้เป็นโอกาสที่จะพัฒนาร่วมกันต่อไป อีกทั้งยังบริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เบื้องต้นสนใจทำเลใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จากปัจจุบันที่มีโครงการบ้านเดี่ยวอยู่แล้ว

ทั้งนี้ "ปีติ เอกมัย"มีมูลค่าโครงการรวม 5 พันล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมสูง 37 ชั้น บนเนื้อที่ 4 ไร่ 2 งาน 75 ตารางวา อยู่ใจกลางเอกมัย ขนาดรวมทั้งหมด 897 ห้อง และร้านค้า 3 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4.45 ล้านบาท หรือเฉลี่ยตารางเมตรละ 1.7 แสนบาท คีย์ไฮไลท์การมีการนำหลักปรัชญาชีวิตจากแนวคิดญี่ปุ่น "IKIGAI" เข้ามาผสมผสานทุกรายละเอียดของงาน Concept และโปรดักส์รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางเข้าด้วยกัน โดยบริษัทจะเปิดขายอย่างเป็นทางการ (Pre-sale) ในวันที่ 2 ส.ค.61 ตั้งเป้ายอดขาย 50%

นางสาวเกษรา กล่าวว่า โครงการร่วมทุนกับฮันคิวอีก 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการนิช โมโน สุขุมวิท -แบริ่ง ซึ่งมียอดขายแล้ว 80% และโครงการนิช ไพรด์ เตาปูน- อินเตอร์เชนจ์ มียอดขายแล้ว 60% ทั้ง 2 โครงการมีมูลค่ารวมกว่า 7 พันล้านบาท ขณะที่ล่าสุดการเปิดตัวโครงการที่ 3 คือ โครงการ "ปีติ เอกมัย" เชื่อว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จเหมือนโครงการต่าง ๆ ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ มองว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในครึ่งหลังปีนี้มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น โดยคาดว่าจะเติบโตได้ราว 3- 5% เป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ และความต้องการระดับบนยังมีสัญญาณที่ดีและเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้ายังมีความต้องการสูงขึ้นทุกปี

ขณะที่ทางเสนา ฮันคิว ก็มีความพร้อมที่จะต่อยอดพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกันอย่างต่อเนื่องบนทำเลที่ดีที่สุดในย่านใจกลางเมือง และได้นำเอาหลักปรัชญาชีวิตจากแนวคิด "IKIGAI (อิคิไก)" มาร่วมสร้างสรรค์เอกลักษณ์ ทั้งมิติด้านฟังก์ชั่นและเติมเต็มมิติด้านสุนทรียศาสตร์ภายในโครงการให้กับลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการในการใช้ชีวิตของคนเมือง ณ ปัจจุบัน และรองรับความต้องการลูกค้าระดับบนที่มองหาที่อยู่อาศัยบนทำเลศักยภาพย่านใจกลางเมือง ดังนั้นจึงเป็นโอกาสและสัญญาณที่ดีใจการรุกพัฒนาคอนโดมิเนียมหรูระดับลักชัวรี่"ปีติ เอกมัย" ซึ่งนับเป็นโครงการแรกของเสนาในปีนี้

"ถือว่าเป็นก้าวใหม่ของเสนากับการเปิดตลาดคอนโดมิเนียมระดับลักชูรี่เป็นครั้งแรก และเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของเสนา ซึ่งทางบริษัทก็มีความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นทีมงานที่มีคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของลูกค้า รวมถึงพันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพมาก อย่างบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ปเปอร์เรชั่น พันธมิตรธุรกิจอันดับต้น ๆ ของประเทศญี่ปุ่น โดยมีแผนพัฒนาโครงการร่วมกันปีนี้อย่างน้อย 7 โครงการ รวมมูลค่าสูงสุดถึง 2.3 หมื่นล้านบาท"นางสาวเกษรา กล่าว

นางสาวเกษรา กล่าวว่า สำหรับการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท แอคคิวท์เรียลตี้ จำกัด ในสัดส่วน 76% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว มูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 14 ล้านบาท เพื่อพัฒนาศักยภาพและประสิทธิภาพในการบริหารงานขายและการตลาดโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เบื้องต้นบริษัทคาดว่าภายในปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้และกำไรของบริษัทดังกล่าวเข้ามาได้ โดยในปี 60 ทางแอคคิวท์เรียลตี้ มีกำไรอยู่ที่ประมาณ 7 ล้านบาท

แผนงานปีนี้บริษัทยังคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโตมาที่ 6.2 พันล้านบาท เนื่องจากครึ่งปีหลังจะทยอยรับรู้รายได้การโอนโครงการเดิมต่อเนื่อง 8 โครงการ ได้แก่ โครงการ นิช ไอดี พระราม 2 เฟส 1 และเฟส2, โครงการ นิช รัชวิภา, โครงการนิช ไอดี บางแค, โครงการ นิช ไอดี เสรีไทย, โครงการ นิช โมโน พีค บางนา, โครงการ นิช ไพรด์ ทองหล่อ-เพชรบุรีและ โครงการ นิช โมโน สุขุมวิท 50 และแบรนด์ เดอะคิทท์ ขณะเดียวกัน บริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 8 พันล้านบาท ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้เป็นส่วนใหญ่ในปี 62-63 ซึ่งจะทำให้ปี 63 จะเป็นปีที่บริษัทมีรายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

ด้านยอดขายปีนี้คาดจะเติบโตมาที่ระดับ 1.03 หมื่นล้านบาท จากครึ่งปีแรกทำได้แล้วกว่า 5 พันล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่ารวม 5 พันล้านบาท และครึ่งปีหลังนี้เตรียมโครงการใหม่ทั้งโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น และโครงการพัฒนาเอง 9-10 โครงการ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการร่วมทุนจำนวน 5 โครงการ ส่วนที่เหลือจำนวน 4-5 โครงการ เป็นโครงการที่บริษัทพัฒนาเอง ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินรองรับแผนพัฒนาแล้วทั้งหมด ส่งผลทำให้ทั้งปีบริษัทจะมีโครงการเปิดใหม่รวมทั้งสิ้น 15-16 โครงการ เป็นไปตามเป้าหมาย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ