CIMBT ส่งแคมเปญพิเศษดันยอดเงินฝากประจำบาทคู่ดอลลาร์-เดินหน้าออกหุ้นกู้อนุพันธ์อ่างอิงหุ้นตลาดเกิดใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 16, 2018 14:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภูดินันท์ เศรษฐนันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ CIMBT กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าระดมเงินฝากบัญชีฝากประจำพิเศษ"เงินบาทคู่กับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ" เพิ่มขึ้น 1 พันล้านบาท จากการทำแคมเปญพิเศษของบัญชีดังกล่าวในช่วง 1 ก.ค.-31 ส.ค. 61 โดยให้ 2 ทางเลือกกับลูกค้า ได้แก่ ฝากประจำ 12 เดือน ดอกเบี้ย 2% ต่อปี และฝากประจำ 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 1.80% ต่อปี โดยฝากขั้นต่ำ 500,000 บาท และฝากได้สูงสุด 5 ล้านบาทต่อสกุลเงินต่อลูกค้า 1 ราย

ปัจจุบันธนาคารมียอดเงินฝากของบัญชีฝากประจำพิเศษ "เงินบาท คู่กับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ" อยู่ที่ 2 พันล้านบาท

สาเหตุที่ธนาคารจับคู่บาทกับดอลลาร์สหรัฐเพราะเป็นเงินสกุลระดับสากลที่ใช้กันทั่วโลก ทั้งการซื้อเก็บเพื่อใช้จริงในระยะเวลาอันใกล้ (natural hedge) เช่น ผู้ปกครองที่กำลังส่งบุตรหลานศึกษาต่อต่างประเทศ ผู้ลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ คนไทยที่ออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศ หรือผู้ประกอบการธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก โดยเฉพาะผู้ส่งออกที่มีรายได้จากการขายสินค้า อีกกลุ่มคือผู้ถือครองดอลลาร์เพื่อลงทุน

นายภูตินันท์ กล่าวว่า แนวโน้มค่าเงินบาทยังมีโอกาสอ่อนค่ามาอยู่ที่ 33.50-34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ จนถึงช่วงปลายปีนี้ เพราะนักลงทุนลดความเสี่ยงการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศเกิดใหม่ รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งได้รับผลกระทบจากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศจีน เป็นปัจจัยสำคัญในการกดดันการเคลื่อนย้ายของเงินทุนในตลาด ย้ายไปสู่ตลาดในสหรัฐฯเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสงครามการค้าจะมีทางออกที่ประนีประนอมกันได้ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งส่งผลให้สถาการณ์มีการผ่อนคลาย และทำให้มีเงินทุนต่างชาติไหลกลับมาลงทุนในประเทศเกิดใหม่มากขึ้น สนับสนุนให้เงินสกุลในภูมิภาคมีโอกาสจะกลับมาแข็งค่าได้ ซึ่งหากกรณีของความผ่อนคลายในประเด็นสงครามการค้าคาดว่าในช่วงปลายปีเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าประมาณ 32.70-32.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ

ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยคาดว่าจะทรงตัวที่ 1.50% จนถึงสิ้นปีนี้ โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยก็ตาม โดยต้องพิจารณาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก คาดว่ากนง.จะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 2/62 หรือไตรมาส 3/62

ด้านแผนการออกผลิตภัณฑ์ประเภทหุ้นกู้อนุพันธ์ของธนาคารในช่วงครึ่งปีหลังนั้น ในช่วงปลายเดือนก.ค.นี้ ธนาคารจะมีการออกหุ้นกู้อนุพันธ์ที่อ้างอิงกับหุ้นสามัญในประเทศที่มีอายุ 3 เดือน เพื่อเป็นการตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการการลงทุนในระยะสั้นและได้ผลตอบแทนที่ในระยะเวลาที่รวดเร็ว จากเดิมที่ธนคารมีการออกหุ้นกู้อนุพันธ์ที่อ้างอิงกับหุ้นสามัญ อายุ 6 เดือนมาก่อนหน้านี้ และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า

อีกทั้งในช่วงปลายไตรมาส 3/61 หรือไตรมาส 4/61 ธนาคารจะมีการออกหุ้นกู้อนุพันธ์ที่อ่างอิงกับหุ้นต่างประเทศ ซึ่งจะเน้นไปที่ตลาดหุ้นเกิดใหม่ โดยธนาคารมองว่าในช่วงปลายไตรมาส 3/61 และไตรมาส 4/61 เป็นจังหวะที่ดีในการออกหุ้นกู้อนุพันธ์ที่อ้างอิงกับหุ้นต่างประเทศ เพราะมองว่าสถานการณ์ต่างๆในโลกจะเริ่มกลับมาดีขึ้น หนุนไห้ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง โดยเฉพาะตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน

นายภูตินันท์ กล่าวว่า ในปี 61 ธนาคารตั้งเป้ายอดขายหุ้นกู้อนุพันธ์อยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ 2 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันได้มียอดขายแล้วเกือบ 1 หมื่นล้านบาท โดยช่วงนี้ธนาคารยอมรับว่าการลงทุนในหุ้นกู้อนุพันธ์ของลูกค้าชะลอตัวลง เพราะตลาดหุ้นทั่วโลกได้ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่ปรับลดลงไปมาก แต่คาดว่าในช่วงปลายปีจะมีไอดขายที่กลับมาดีขึ้นและทำให้ยอดขายทำได้ตามเป้าหมาย และนังรักษาส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ของการขายหุ้นกู้อนุพันธ์เป็นอันดับ 2 ในตลาดได้

ส่วนเป้าหมายของกลุ่มลูกค้า CIMB Preferred ในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 78,000 ราย จากสิ้นปีก่อนที่ 65,013 ราย โดยปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าอยู่ลี่ 70,000 ราย และมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ในสิ้นปีนี้เพิ่มเป็น 2.3 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่ 2.08 แสนส้านบาท โดยปัจจุบันมี AUM อยู่ที่ 2.14 แสนล้านบาท ซึ่งสัดส่วนการลงทุนของลูกค้าในปัจจุบันมีสัดส่วนเงินลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปเป็น เงินฝาก 44% กองทุนรวม 14% ประกัน 6% อื่นๆ 36% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ เงินฝาก 42% กองทุนรวม 13% ประกัน 4% อื่นๆ 35%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ