โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป (MAJOR) จากคาดกำไรไตรมาส 2/61 เติบโตจากไตรมาส 1/61 และเติบโตสูงสุดของปี เพราะเป็นช่วงฤดูกาลหนังทำเงินทั้งไทยและฮอลลีวูดเข้าฉาย เช่น Avengers: Infinity War, Jurassic World, Deadpool 2 และ น้องพี่ที่รัก ประกอบกับ บริษัทมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น แต่กำไรอาจทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำกำไรสูงเช่นกัน
ส่วนผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะอ่อนตัวกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยจะลดลงตั้งแต่ไตรมาส 3/61 ตามฤดูกาลของภาพยนตร์ ประกอบกับ รายได้จากเครื่องดื่มและอาหารจะมีแนวโน้มลดลงด้วยเช่นกัน
ราคาหุ้น MAJOR ในช่วงบ่ายวันนี้อยู่ที่ 26.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันศุกร์ที่ผ่านมา สวนทางกับดัชนี SET ที่ปรับตัวลง 0.55%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ซื้อ 35.50
ฟิลลิป ซื้อ 35.00
บัวหลวง ซื้อ 32.00
ทิสโก้ ซื้อ 29.00
ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 28.50
นางสาวสุธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/61 จะอยู่ในระดับสูงที่สุดของปี และเติบโตจากไตรมาส 1/61 ค่อนข้างมาก เนื่องจากมีภาพยนตร์ที่เข้าฉายทำรายได้ค่อนข้างมาก เช่น Avengers: Infinity War, Jurassic World และ Deadpool2 แต่ผลประกอบการอาจทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 2/60 สามารถทำกำไรได้ในระดับสูงเช่นกัน
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเริ่มชะลอลงตั้งแต่ไตรมาส 3/61 เนื่องจากอาจไม่มีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เข้ามา ขณะเดียวกันมองว่ารายได้จากเครื่องดื่มและอาหารก็จะลดลงตามการเข้าฉายของภาพยนตร์
ด้านบทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุไปในทิศทางเดียวกันว่า คาดการณ์กำไรปกติในไตรมาส 2/61 จะเติบโตกว่าไตรมาส 1/61 และทำจุดสูงสุดของปี จากเป็นช่วงฤดูกาลหนังฮอลลีวูด และหนังทำเงินหลายเรื่อง อาทิ Avengers: Infinity War ทำรายได้ประมาณ 480 ล้านบาท, Deadpool2 ทำรายได้ประมาณ 150 ล้านบาท, Jurassic World: Fallen Kingdom ทำรายได้ประมาณ 300-350 ล้านบาท และน้องพี่ที่รัก ทำรายได้ประมาณ 170-180 ล้านบาท รวมถึงมีการควบคุมค่าใช้จ่าย
ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะอ่อนตัวจากช่วงครึ่งปีแรกตามฤดูกาล แต่เติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนจากฐานที่ค่อนข้างต่ำมาก โดยประมาณการณ์กำไรปกติของปี 61 ฟื้นตัว 19.5% เมื่อเทียบกับปี 60
บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปัจจุบันอยู่ในช่วงไฮซีซั่นของทั้งหนังฮอลลีวูดและหนังไทย รายได้ Box office ในเดือน เม.ย.-พ.ค.ออกมาน่าพอใจ โดยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน หนังฟอร์มยักษ์อับดับ 2 ของปีอย่าง Jurassic World เริ่มฉายในเดือน มิ.ย.ดังนั้น ยอดขายตั๋วหนังในไตรมาส 2/61 มีแนวโน้มจะสูงกว่าในไตรมาส 2/60 โดยคาดว่ากำไรไตรมาส 2/61 ของ MAJOR จะดีที่สุดในปีนี้ อีกทั้ง concession-to-box office ratio ที่แข็งแกร่งและรายได้โฆษณาในโรงหนังจะหนุนรายได้ในไตรมาส 2/61
สำหรับไตรมาส 3/61 คาดว่า Ant-Man & the Wasp จะทำรายได้ไม่ถึง Spider-Man ในไตรมาส 3/60 ที่ 185 ล้านบาท แต่การกลับมาของ Tom Cruise ในเรื่อง Mission: Impossible 6 คาดจะทำให้รายได้รวมจากเรื่อง MI และ Ant-man สูงกว่ารายได้รวมจาก Spider-Man ได้ไม่ยาก ทั้งนี้ รายได้ของ MI สองภาคล่าสุดอยู่ที่ 110 ล้านบาท และ 140 ล้านบาท ตามลำดับ
นอกเหนือจากนี้ หนังไทยจะช่วยหนุน Box-office ในไตรมาส 3/61 เช่นกัน ขุนพันธ์2 (รายได้รวมของขุนพันธ์ภาคแรกอยู่ที่ 61 ล้านบาทในปี 2559), นาคี2 และหนังอีกหนึ่งเรื่องจาก T-Moment เราคาดรายได้หนังที่ทำรายได้สูงสุด 10 อันดับแรกในไตรมาส 3/61 จะเติบโตสูงขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน