นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในใตรมาส 3/61 จะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/61 และไตรมาส 3/60 เนื่องจากบริษัทเริ่มมีการรับรู้รายได้จากการโอนโครงการมากขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/61
พร้อมกันนั้น บริษัทมีรายได้พิเศษเข้ามาจากการขายที่ดินให้กับบริษัทร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์ และบริษัทร่วมทุนกับซูมิโตโม มูลค่ารวม 4 พันล้านบาท โดยบริษัทจะได้กำไร 35% ของมูลค่าขายที่ดิน เข้ามาช่วยสนับสนุนภาพรวมของผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 ให้มีความโดดเด่น อย่างไรก็ดี บริษัทจะนำเงินที่ขายที่ดินได้สัดส่วนครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 2 พันล้านบาทไปใช้เป็นส่วนของทุนในบริษัทร่วมลงทุนตามสัดส่วนที่ PF ถือ 51% ทั้ง 2 บริษัทร่วมทุน
ขณะเดียวกัน ในปี 62 บริษัทจะมีการขายที่ดินให้กับบริษัทร่วมทุนทั้งสองอีกมูลค่ารวม 4 พันล้านบาท ซึ่งจะมีรายได้จากการขายที่ดินเข้ามาอีก 2 พันล้านบาท หลังจากหักส่วนที่นำไปร่วมลงทุนแล้ว
ส่วนผลงานทั้งปี 61 บริษัทมั่นใจว่าจะทำรายได้ตามเป้าหมายรวม 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 1.5 หมื่นล้านบาท และรายได้อื่นๆ อีก 5 พันล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ราว 4 พันล้านบาท จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ทั้งหมดในปัจจุบันที่มีอยู่ราว 5.2 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้ภายในปี 62
ขณะที่ยอดขายในครึ่งปีแรกบริษัททำได้แล้ว 8.8 พันล้านบาท หรือเติบโตราว 20-25% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปีก่อน โดยที่ได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 4 โครงการ มูลค่ารวม 4 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 3 โครงการ โครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ และในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเปิดอีก 15 โครงการ มูลค่ารวม 1.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 14 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียมระดับล่างแบรนด์ไอ-คอนโด 1 โครงการ ในปีนี้บริษัทจะเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบระดับบนเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโครงการที่อยู่อาศัย เพราะปัจจุบันลูกค้าระดับบนถือว่ามีความสามารถในการซื้อที่สูงและพึ่งพาสินเชื่อน้อยกว่าลูกค้าระดับล่าง ทำให้บริษัทมีความมั่นใจในเรื่องการรับรู้รายได้ และมั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.55 หมื่นล้านบาท ส่วนงบซื้อที่ดินไนปีนี้บริษัทได้ใช้ไปเกือบทั้งหมดแล้ว 2-3 พันล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในปี 62
ล่าสุด บริษัทได้ลงนามในสัญญาร่วมทุนกับบริษัท เซกิซุย เคมิคอล จำกัด ผู้นำในธุนกิจรับสร้างบ้านของประเทศญี่ปุ่น จัดตั้งบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท พีเอฟ-เซกิซุย เจวี จำกัด ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท โดยแบ่งการสัดส่วนถือหุ้นเป็น PF สัดส่วน 51% และเซกิซุยฯ 49% ซึ่งจะร่วมกันพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวที่ก่อสร้างด้วยระบบโมดูลาร์ ในเฟสต่อเนื่องของโครงการ มาสเตอร์พีช เบื้องต้นใน 4 โครงการ บนทำเลกรุงเทพกรีฑา, รามคำแหง, แจ้งวัฒนะ และรัตนาธิเบศร์ จำนวน 74 ยูนิต มูลค่ารวม 2.23 พันล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพให้สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าบ้านระดับบนที่ชื่นชอบเทคโนโลยีและนวัตกรรม
พร้อมกับบริษัทยังวางเป้าหมายขึ้นเป็นผู้นำในตลาดบ้านหรูระดับบนภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า โดยวางเป้าหมายที่จะมีส่วนแบทงตลาดกลุ่มบ้านระดับบนเพิ่มปีละ 4 พันล้านบาท จากปัจจุบันที่มีอยู่ 2 พันล้านบาท ซึ่งการร่วมมือกับเซกิซุยในครั้งนี้จะทำให้บริษัทสามารถพัฒนาโครงการได้เร็วขึ้น เพิ่มส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มบ้านระดับบนได้อย่างรวดเร็ว และเป็นการยกระดับมาตรฐานและภาพลักษณ์ของสินค้าไปสู่ระดับสากล
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ PF กล่าวว่า บริษัทได้ทำการคัดสรรทำเลที่ดินที่เหมาะสม ส่วนการออกแบบบ้านเป็นการทำงานร่วมกันของทั้งสองฝ่าย โดยมีให้เลือก 4 แบบ ระดับราคา 25-60 ล้านบาท ขนาดตั้งแต่ 255-475 ตารางเมตร เป็นรูปแบบเฉพาะของโครงการของ PF ที่นำประสบการณ์ในการออกแบบบ้านหรูระดับบนมาผสมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยของญี่ปุ่น
สำหรับส่วนประกอบของบ้านที่จะนำมาประกอบเป็นบ้านระบบโมดูลาร์ ดำเนินการผลิตโดย บริษัท เซกิซุย-เอสซีจี อินดัสทรี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างเซกิซุย เคมิคอล และเอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง โดยโครงสร้างกว่า 80% จะถูกผลิตในโรงงาน ซึ่งจะทำการผลิตโดยส่วนประกอบของบ้านแยกเป็นส่วนๆสำเร็จรูป และประกอบชิ้นส่วนทั้งหมดจนเรียบร้อย แล้วนำมาติดตั้งที่หน้างาน