DOD เซ็น MOU ร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทยฯ ขับเคลื่อนสมุนไพรไทยสู่เวทีโลก ,ผลงาน Q2/61 ดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 19, 2018 12:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) เปิดเผยว่า วันนี้ (19 ก.ค.) บริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อช่วยกันขับเคลื่อน สนับสนุนและส่งเสริมผลิตภัณฑ์สมุนไพรของประเทศไทย สู่ตลาดสากล ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ ได้ดำเนินตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับที่1 (พ.ศ.2560-2564) ของกระทรวงสาธารณสุข

สำหรับรูปแบบความร่วมมือดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการลงทุนก่อสร้างโรงสกัดสมุนไพร ที่มีมาตรฐานพร้อมด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัย (Green Technology) และยังช่วยส่งเสริมการปลูกและวางแผนการทำ Contract farming ให้กับเกษตรกรในเชิงอุตสาหกรรม และยังช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ต่อยอดจากสารสกัด รวมถึงการสร้างห้องปฏิบัติการกลาง ในการตรวจวิเคราะห์คุณภาพสารสกัดและผลิตภัณฑ์จากสารสกัดสมุนไพร

ขณะเดียวกันกรมการแพทย์แผนไทยฯ จะดำเนินการด้านการให้คำปรึกษาออกแบบโรงงานสกัดสมุนไพรและคัดสรรเทคโนโลยีการสกัดที่ทันสมัยที่สุด รวมถึงถ่ายทอดองค์ความรู้ ด้านการสกัดสมุนไพรและการตรวจวิเคราะห์คุณภาพสารสกัดสมุนไพร เป็นต้น

"DOD จะเป็นหนึ่งในบริษัทเอกชน ที่พร้อมจะขับเคลื่อน สนับสนุนและส่งเสริมผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อช่วยกันสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจไทย ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งเราคาดหวังว่า ความร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้อุตสาหกรรมสมุนไพรไทย สามารถเติบโตได้ในเวทีโลก และในอนาคตข้างหน้าประเทศไทย จะเป็นประเทศส่งออกวัตถุดิบสมุนไพรคุณภาพและผลิตภัณฑ์สมุนไพรชั้นนำของภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถ ด้านการแข่งขันของสมุนไพรไทยในตลาดทั้งในและต่างประเทศ ที่จะนำความมั่นคงและยั่งยืนต่อเศรษฐกิจไทย มาสู่ประเทศในอนาคต ซึ่ง DOD จะร่วมขับเคลื่อนและผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ สมุนไพรไทยคงคุณค่าและอุดมไปด้วยสารสกัด ที่เป็นประโยชน์สูงสุด"น.ส.ศุภมาส กล่าว

น.ส.ศุภมาส กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างโรงสกัดแห่งที่ 2 นั้นบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม ในการออกแบบ และก่อสร้างโดยเน้นใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสกัดที่ทันสมัยที่สุด พร้อมห้องปฏิบัติการกลางระดับสากล ที่ได้มาตรฐาน ISO17025 เพื่อใช้ในการวิเคราะห์สารออกฤทธิ์ และตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะของสารสกัดที่ได้จากโรงสกัด ที่สามารถนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยบริษัทมีทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ที่มีประสบการณ์ด้านวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพรไทย และการจัดตั้งโรงสกัด ของ DOD จะเป็นการยกระดับมาตรฐาน สารสกัดไทย ให้เทียบเท่ากับมาตรฐานสากล และยังเป็นการช่วยลดการขาดดุลทางการค้ากับต่างชาติ

ทั้งนี้ โรงสกัดดังกล่าว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 63 ซึ่ง DOD ถือเป็นบริษัทเอกชนแห่งแรก ๆ ที่นำนวัตกรรมโรงสกัด ซึ่งเทียบเท่าระดับสากล มาสกัดสารจากพืชสมุนไพรไทย

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/61 คาดว่าจะเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทได้ย้ายโรงงานจากเดิมที่มีพื้นที่ 1 ไร่มาเป็น 17 ไร่ ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ทำให้สามารถรองรับออร์เดอร์เข้ามาเพิ่มมากขึ้น ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ โดยจะเสนอผลการดำเนินงานเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 9 ส.ค.นี้ รวมถึงแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป

พร้อมกันนี้บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้น่าจะเติบโตดีกว่าปีก่อน จากการย้ายโรงงาน ซึ่งจะเห็นได้จากกำไรสุทธิในไตรมาส 1/61 ที่ทำได้ 111 ล้านบาท เมื่อกำไรสุทธิทั้งปี 60 ที่อยู่ระดับ 142 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทยังได้เดินหน้าใช้หนี้เงินกู้จากสถาบันการเงินที่มีอยู่จำนวน 50 ล้านบาท ไปทั้งหมดแล้วในช่วงที่ผ่านมา หลังจากได้เงินจากการระดมทุนเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ส่งผลให้หนี้สินต่อทุน (D/E) ปรับตัวลดลงเหลือเพียง 0.08 เท่า จากเดิมที่อยู่ 0.09 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ