นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ากำไรสุทธิปีนี้จะสูงกว่าระดับ 1.4 พันล้านบาทในปีที่แล้ว เนื่องจากจะมีรายได้ประจำ (recurring income) เพิ่มขึ้น หลังในปีนี้จะเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าที่ร่วมลงทุนอยู่ครบทั้ง 10 โรง กำลังการผลิตรวม 1,400 เมกะวัตต์ ขณะที่ยอดขายนิคมอุตสาหกรรมในปีนี้น่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งเป้า 925 ไร่ พร้อมกับการมีแผนจะปรับขึ้นนราคาขายที่ดินอีก 5% ในช่วงที่เหลือของปีนี้
"สิ่งที่อมตะมั่นใจ คือ การสร้างกำไรให้เติบโตขึ้นทุกปี ซึ่งในปีนี้เราก็มั่นใจว่ากำไรจะมากกว่าปีก่อนที่ 1.4 พันล้านบาท เพราะนอกจากการขายที่ดินแล้ว ปีนี้รายได้ที่เป็น recurring income ของเรายังเพิ่มขึ้นด้วย เพราะในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ จะมีการ COD โรงไฟฟ้าครบทั้ง 10 โรง กำลังการผลิต 1,400 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเสริมให้กำไรของบริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น"นายวิบูลย์ กล่าว
นายวิบูลย์ กล่าวว่า ยอดขายที่ดินในปีนี้ แบ่งเป็นการขายที่ดินในนิคมฯของอมตะที่อยู่ในประเทศ 800 ไร่ และในประเทศเวียดนาม 125 ไร่ ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายที่ดินแตะระดับ 100 ไร่แล้ว ซึ่งยังไม่มากนักเพราะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ แต่คาดว่าจะเห็นยอดขายที่ดินเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ตามการเดินหน้าการพัฒนาโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของภาครัฐ ที่เป็นแรงหนุนสำคัญทำให้มีผู้ประกอบการต่างประเทศเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทยเพิ่มขึ้น และส่งผลบวกต่อการขายที่ดินในนิคมของกลุ่มอมตะ
ขณะเดียวกันมีลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่จากต่างประเทศในยุโรปและจีน ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับการผลิตเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เข้ามาเจรจาจะซื้อที่ดินในนิคมฯของอมตะ 3-4 ราย จำนวนที่ดินที่ต้องการซื้อไม่ต่ำกว่า 100 ไร่/ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 3/61 หรือไตรมาส 4/61 ส่วนการปรับเพิ่มราคาขายที่ดินในนิคมฯของอมตะในประเทศช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะปรับเพิ่มราคาขายที่ดินไม่ต่ำกว่า 5% ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาเปรียบเทียบราคาขายที่ดินกับนิคมอุตสาหกรรมอื่นๆในประเทศเพื่อนบ้านกลุ่ม CLMV และจะเสนอคณะกรรมการบริษัทพิจารณาในช่วงเดือนส.ค.นี้
ปัจจุบันราคาขายที่ดินเฉลี่ยของนิคมอมตะ ซิตี้ ชลบุรี เฉลี่ยอยู่ที่ 8.5 ล้านบาท/ไร่ บริษัทคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวมีนิคมอุตสาหกรรมรายอื่นที่เป็นคู่แข่งไม่มาก ส่วนอีก 2 นิคมฯของบริษัท คือ นิคมอมตะ ซิตี้ ระยอง และนิคมฯอมตะไทย-ไชนีส ราคาขายที่ดินเฉลี่ยอยู่ที่ 3.8 ล้านบาท/ไร่ ซึ่งทางบริษัทจะพิจารณาปรับราคาขายที่ดินของทั้ง 2 นิคมฯตามความเหมาะสม เพราะบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง ยังมีนิคมอุตสาหกรรมที่เป็นคู่แข่งจำนวนมาก ส่วนมูลค่ายอดขายที่ดินรอรับรู้รายได้ (Backlog) ของบริษัทในปัจจุบันอยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังราว 900 ล้านบาท
สำหรับการร่วมทุนระหว่าง AMATA และบริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด (BIG) เพื่อตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท อมตะบีไอจีอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด (ABIG) โดย BIG ถือหุ้น 51% และ AMATA ถือหุ้น 49% นั้น จะใช้งบลงทุน 200 ล้านบาท สร้างโรงงานอุตสาหกรรมไนโตรเจนและท่อส่ง กำลังการผลิตเฟสแรก 50,000 ตัน/ปี คาดว่าแล้วเสร็จไตรมาส 1/62 โดยภายในปีแรกคาดว่าจะมีการใช้กำลังการผลิต 80-90% ของกำลังการผลิตในเฟสแรก เนื่องจากปัจจุบันบริษัทเซ็นสัญญากับลูกค้าระยะยาว แล้ว 2 ราย ในธุรกิจยางรถยนต์ อุตสาหกรรมรถยนต์ และอิเล็คทรอนิกส์ คาดว่าจะช่วยสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท/ปี
ส่วนเฟสที่ 2 คาดจะเริ่มก่อสร้างปลายปี 62 ใช้งบลงทุนมากกว่าเฟสแรก โดยจะลงทุนทั้งไนโตรเจน และออกซิเจน ซึ่งการลงทุนด่งกล่าวคาดว่าจะคืนทุนภายใน 5 ปี โดยการลงทุนจะให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ไม่ต่ำกว่า 10-13%