AOT มั่นใจจำนวนผู้โดยสารปีนี้โตตามเป้าที่ 9-10% แม้เดือน ก.ค.จะเติบโตเพียง 4.5% เชื่อผู้โดยสารชะลอระยะสั้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 19, 2018 15:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) เปิดเผยในงานสัมมนา "ทิศทางหุ้นครึ่งปีหลัง ฟุบหรือไปต่อ"ว่า ยังคงมั่นใจว่าจำนวนผู้โดยสารปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 9-10% แม้ว่าในเดือน ก.ค. จะเติบโตได้เพียง 4.5% จากเดิมที่เติบโตกว่า 8-9% ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินถึงสาเหตุที่ทำให้จำนวนผู้โดยสารปรับลดลงว่ามาจากเรื่องผลกระทบจากเรือล่มที่ภูเก็ต หรือ การชะลอตัวลงของนักท่องเที่ยวที่บินไปรัสเซียในช่วงเทศกาลฟุตบอลโลกหรือไม่ โดยจะต้องประเมินทั้งจากเที่ยวบินที่ลดลงแบบไฟล์ทต่อไฟล์ท แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น

ทั้งนี้ คาดว่ารายได้ของ AOT จะสามารถเติบโตได้มากกว่าปริมาณการเติบโตของผู้โดยสารที่ 9-10% เนื่องจากสัดส่วนการเดินทางต่างประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่าการบินในประเทศ และได้รับอานิสงส์จากการที่ไทยได้รับการปลดธงแดงจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และปัญหาของทัวร์ศูนย์เหรียญที่ได้รับการแก้ไข

"เราต้องไปดูว่า ที่มันชะลอจากปัจจัยอะไร ตอนนี้ถ้าเทียบปีงบประมาณ คือ เราเหลืออีก 3 เดือน คงไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งหากเรารวมผลกระทบของเดือน ก.ค. ลงไปนั้น จะทำให้จำนวนผู้โดยสารเราเฉลี่ยทั้งปีมาอยู่ที่ 9% กว่าๆอยู่ดี ซึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรแน่นอน ดังนั้น ตอนนี้เรายังไม่ได้ปรับเป้าหมาย ด้านของรายได้ปีนี้ หากดูตัวเลขในช่วง 3 ไตรมาสก็พบว่า เติบโตได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาแล้ว ดังนั้นเราเชื่อว่า ไตรมาสสุดท้ายจะเป็นตัวเลขที่นิวไฮใหม่"นายนิตินัย กล่าว

ส่วนความคืบหน้าการหาผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีรายใหม่นั้น ในช่วงเดือน ก.ค-ส.ค. คาดว่าจะสามารถเปิดร่าง TOR ได้อย่างแน่นอน และคาดว่าจะได้ผู้ประกอบการรายใหม่ภายในปลายปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามแผนของบริษัทฯที่พยายามคัดเลือกผู้ประกอบการรายใหม่ให้ได้ก่อนรายเก่าจะสิ้นสุดสัญญา 2 ปี หรือ ก.ย. 63

ส่วนความคืบหน้าของการรับมอบ 4 สนามบิน ประกอบด้วย ท่าอากาศยานอุดรธานี ท่าอากาศยานสกลนคร ท่าอากาศยานชุมพร และท่าอากาศยานตาก คาดว่าจะสามารถรับมอบเพื่อมาบริหารได้ภายในเดือนมิ.ย. 62 ขณะที่อีก 2 สนามบินสร้างใหม่ คือ เชียงใหม่แห่งที่ 2 และพังงา คาดว่าจะเสนอนคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้ภายในเดือนก.ค.-ส.ค. นี้ และหากผ่าน ครม. จะเริ่มหาที่ดินได้ทันที ซึ่งหากได้ที่ดินครบแล้วจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 4 ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ