โบรกเกอร์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) หลังคาดว่ากำไรปีนี้เติบโต 39-58% มาที่ 4.58-5.2 พันล้านบาท หลังจากกำไรในไตรมาส 2/61 ออกมาดีกว่าคาด ผลักดันให้กำไรในงวดครึ่งแรกปีนี้อยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท เติบโต 66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ในช่วงครึ่งหลังปีนี้คาดว่ายอดใช้จ่าย (spending) ผ่านบัตรเครดิตจะสูงขึ้นมากกว่าครึ่งปีแรก ตามภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโต ประกอบกับสินเชื่อบุคคลยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มการตั้งสำรองฯลดลงจากพอร์ตลูกหนี้มีคุณภาพดีขึ้น ช่วยหนุนผลการดำเนินงาน
ด้านราคาหุ้น KTC ปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบกว่า 4 เดือนมาอยู่ที่ระดับ 23.10 บาทเมื่อวันที่ 16 ก.ค. ก่อนที่ราคาหุ้นจะดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ Upside ลดลง โดยล่าสุดราคาหุ้น KTC อยู่ที่ 32.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 3.97% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 0.75%
หยวนต้าฯ ซื้อ 41.00 เคที ซีมิโก้ ซื้อ 36.00 บัวหลวง ซื้อ 32.00 ฟินันเซีย ไซรัส ถือ 32.40 เออีซี ถือ 29.00
นางสาวสุนันทา วสะภิญโญกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ได้แนะนำซื้อเมื่อเห็นราคาหุ้น KTC ปรับตัวลงมาแตะที่ระดับ 23 บาท ซึ่งทำให้มี Upside ถึง 40% จากเดิมที่แนะนำให้ขายทำกำไร อย่างไรก็ดี ขณะนี้แต่ราคาหุ้น KTC ก็ปรับขึ้นมาเร็ว ทำให้ Upside น้อยลง จึงเปลี่ยนคำแนะนำให้ถือ โดยแนะนำกลยุทธ์ รอให้ราคาอ่อนตัว เป็นจังหวะเข้าซื้อ ไม่แนะนำให้ไล่ราคา
"เราแนะให้ซื้อเพราะราคาปรับตัวลงมามาก มี Upside 40% แต่ตอนนี้แนะให้ถือเพราะราคาขึ้นมา จากก่อนหน้าแนะขายทำกำไร เพราะก่อนหน้านี้ ราคา Over Value ตอนนี้แนะนำให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ไม่ควรไปไล่ซื้อ คือไม่ใช่บริษัทไม่ดี แต่ไม่ควรเข้าซื้อจังหวะราคาผันผวน"นางสาวสุนันทา กล่าว
นางสาวสุนันทา กล่าวว่า กำไรสุทธิของ KTC ในไตรมาส 2/61 อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อนและเพิ่มขึ้น 66% จากงวดปีก่อน ซึ่งออกมาดีกว่าฟันันเซียฯและตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามยังคงประมาณการกำไรสุทธิในปี 61 ที่ 4.6 พันล้านบาท เติบโต 40% จากปีก่อน เนื่องจากคาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกทำกำไรสุทธิได้แล้ว 54% ของประมาณการกำไรทั้งปีนี้ ขณะที่มองว่าช่วงครึ่งหลังของปีนี้กำไรสุทธิน่าจะแผ่วลง เนื่องจากรายได้รับปกติยัง in-line ยกเว้นหนี้สูญรับคืนที่ยังมีความผันผวนแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะทำได้ดีกว่าคาดก็ตาม
ด้านนายสุวัฒน์ บำรุงชาติอุดม นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า KTC มีกำไรสุทธิในไตรมาส 2/61 ดีกว่าคาด เติบโตทั้งจากไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ทำให้มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่คาดไว้ระดับ 4.58 พันล้านบาท เติบโต 39% จากปีก่อน ซึ่งหากปรับประมาณการกำไรก็จะปรับราคาเป้าหมายด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่ายอดใช้จ่ายจะสูงขึ้นมากกว่าครึ่งปีแรก โดยคาดกำไรไตรมาส 3/61 จะเติบโตในระดับกลางเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาที่ระดับ 1.2 พันล้านบาท หนุนโดยแนวโน้มสินเชื่อขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่แล้วและแนวโน้มการตั้งสำรองฯลดลง ขณะที่แนวโน้มในไตรมาส 4/61 ก็คาดกำไรโตต่อเนื่อง
ด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กำไรสุทธิของ KTC ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้จะยังทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบรายไตรมาส จากคาดว่าการตั้งสำรองลดลง ตามคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี ทำให้สำรองส่วนเกินมากเพียงพอต่อความไม่แน่นอนในอนาคต , การขยายตัวของสินเชื่อที่ยังอยู่ระดับที่ดี ทั้งบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล เพราะ KTC มีจุดแข็งเหนือคู่แข่งด้านโปรโมชั่นร้านค้าที่หลากหลาย ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตร และดึงดูดฐานลูกค้าใหม่ นอกจากนี้ยังคาดว่ารายได้จากส่วนที่ไม่ใช่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Non-NII) เติบโตดีตามรายได้หนี้สูญรับคืน เพราะ KTC ยังคงรักษาประสิทธิภาพการติดตามหนี้ได้ดีอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ KTC มีปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง บนประมาณการกำไรปี 61 ที่ระดับ 5.2 พันล้านบาท เติบโตถึง 58% จากปีที่แล้ว สูงกว่าตลาดคาดราว 16.6% อีกทั้งกำไรในไตรมาส 2/61 ออกมามากกว่าตลาดคาด เชื่อว่าตลาดจะมีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร รวมถึงราคาเป้าหมายปี 61
KTC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 ที่ระดับ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 66% จากงวดปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน ทำสถิติสูงสุดใหม่ตามที่คาด แต่สูงกว่าตลาดคาดราว 14% โดยการเติบโตเด่นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ตามการขยายตัวของสินเชื่อ 7.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ,ด้าน Non-NII ดีจากหนี้สูญรับคืน และ Credit cost ลงจาก 1,007 bps ในไตรมาส 2/60 เป็น 786 bps ในไตรมาส 2/61
ส่วนกำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เกิดจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ขยับจาก 14.5% เป็น 15.4% ตามการขยายตัวของสินเชื่อบุคคล ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนสูง ด้านคุณภาพสินทรัพย์เป็นบวกมากขึ้น เห็นได้จากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดลง 1.0% เมื่อเทียบต่อไตรมาส ส่งผลให้ NPL ratio ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 1.3% และ Coverage ratio ยังคงสูงสุดในกลุ่มที่ 578%
ด้านบทวิเคราะห์บล.เออีซี ระบุว่าปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิของ KTC ตั้งแต่ปี 61 ขึ้นเฉลี่ยปีละ 9.2% โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปีนี้ KTC จะมีกำไรสุทธิ 4.84 พันล้านบาท เติบโต 46.6% จากปีที่แล้ว โดยในช่วงไตรมาส 2/61 ทำกำไรสุทธิได้ดี หลังสามารถคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ดีและมีค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่น้อยกว่าคาด หลังปรับมาใช้การคำนวณการตั้งสำรองตามมาตรฐานบัญชีใหม่ กอปรกับคาดพอร์ตลูกหนี้ของ KTC ยังมีแนวโน้มเติบโตดีล้อไปกับกระแสการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ของไทย รวมถึง KTC ยังหันมาเน้นรักษากลุ่มลูกค้าบัตรเครดิตที่มีรายได้มากกว่า 3 หมื่นบาท/เดือนด้วยโปรโมชั่นที่โดนใจมากขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากมาตรการคุมหนี้ภาคครัวเรือนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
อย่างไรก็ตามแม้จะชอบศักยภาพเติบโตของ KTC ที่แข็งแกร่งจากอานิสงส์ของการเข้าสู่สังคมเงินสดของไทย บวกกับคุณภาพของพอร์ตลูกหนี้ที่แข็งแกร่งทั้ง NPL ที่ทรงตัวในระดับต่ำ และ Coverage Ratio ที่สูงถึง 6x แต่ด้วยราคาหุ้นปัจจุบันไม่มี Upside เหลือจากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 61 ที่ระดับ 29 บาท จึงปรับเพิ่มคำแนะนำขึ้นจากเดิม "ขาย" เป็น "ถือ" เพื่อรอติดตามพัฒนาการที่ชัดเจนขึ้นในไตรมาสถัดไปและรอรับเงินปันผลซึ่งคาดปี 61 จะจ่ายอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลระดับ 2.6%