บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ. ช. การช่าง (CK) ที่ระดับ "A-" พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ ไถ่ถอนภายใน 10 ปี ในวงเงินไม่เกิน 2,750 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "A-" เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ชุดใหม่ใช้แทนอันดับเครดิตหุ้นกู้เดิมที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 เนื่องจากบริษัทมีความประสงค์ที่จะเพิ่มวงเงินรวมของหุ้นกู้เป็น 2,750 ล้านบาท จากเดิม 2,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้เดิม
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำในประเทศไทย ตลอดจนความสามารถในการรับงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่และโครงการที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมทั้งความแข็งแกร่งในการดำเนินโครงการและความยืดหยุ่นทางการเงินที่เกิดจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทด้วย อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากภาระหนี้ของบริษัทที่อยู่ในระดับสูง ตลอดจนลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงและการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 ต่ำกว่าประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้ง โดยรายได้ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 7,439 ล้านบาท ลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 8.6% จาก 8.3% ในปี 2560 ในขณะที่เงินทุนจากการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 อยู่ที่ 518 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
บริษัทมีงานรับเหมาก่อสร้างในมือที่ยังไม่ส่งมอบมูลค่า 65,446 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2561 โดยมีโครงการหลัก ๆ ได้แก่ โครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มมูลค่า 24,800 ล้านบาท โครงการซ่อมบำรุงและซื้อเครื่องจักรรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมูลค่า 13,900 ล้านบาท และโครงการเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีมูลค่า 11,600 ล้านบาท ทั้งนี้ ทั้ง 3 โครงการมีมูลค่าคิดเป็นสัดส่วนถึง 77% ของมูลค่าโครงการที่ยังไม่ส่งมอบทั้งหมดของบริษัท
ณ เดือนมีนาคม 2561 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ระดับ 61.67% ลดลงจาก 62.21% ในปี 2560 และ 68.0%-72.0% ในช่วงปี 2556-2559 อัตราส่วนดังกล่าวปรับตัวดีขึ้นภายหลังจากที่มีการโอนภาระเงินกู้ยืมของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงให้แก่ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ไปแล้วซึ่งเป็นไปตามประมาณการของทริสเรทติ้ง อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องเมื่อพิจารณาจากความต้องการเงินทุนหมุนเวียนและเงินให้กู้ยืมระยะยาวในโครงการเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันเพื่อให้ได้งานใหม่ได้เช่นเดิม อีกทั้งยังคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 35,000-38,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2561-2563 งานในมือจำนวนมากจะช่วยรักษาระดับรายได้ในอนาคตของบริษัท นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับสูงกว่า 8% โดยเฉลี่ยเอาไว้ได้แม้ว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงก็ตาม รวมทั้งจะยังคงรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 65% ในช่วง 3 ปีข้างหน้าไว้ได้เช่นกัน
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
ปัจจัยที่จะทำให้อันดับเครดิตของบริษัทปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ กรณีที่บริษัทสามารถสร้างกระแสเงินสดได้สูงกว่าประมาณการอย่างชัดเจนและสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 60% เป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่องได้ ในขณะที่ปัจจัยลบสำหรับอันดับเครดิต ได้แก่ การมีต้นทุนก่อสร้างในโครงการหลัก ๆ ที่สูงกว่าประมาณการอย่างมีนัยสำคัญ หรือการให้การสนับสนุนทางการเงินที่มีมูลค่าสูงแก่บริษัทในกลุ่มนอกเหนือจากที่ประมาณการไว้ซึ่งจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อกระแสเงินสดของบริษัทเป็นอย่างมาก