นายเอ สัจเดว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ฟู้ด แคปปิตอล (FC) เปิดเผยว่า บริษัทยืนยันเจตนาการรับโอนกิจการทั้งหมด รวมถึงการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท เสนอขายแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 22,740 ล้านหุ้น ให้กับบริษัท พีอาร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (PRGD) หรือกลุ่มไพร์มโรดกรุ๊ป
สำหรับความคืบหน้าของแผนการรวมกิจการนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการยื่นคำขอให้รับหลักทรัพย์ใหม่ (Relisting) ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทแกนจะต้องมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติในปีล่าสุดไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท โดยบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการให้คุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และยอมรับว่าอาจทำให้กระบวนการรวมกิจการล่าช้าออกไปเป็นภายในไตรมาส 4/61 จากกำหนดเดิมคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ไตรมาส 3/61
"แผนการรับโอนกิจการ และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนไม่ได้เปลี่ยนแปลง ยังคงเดินหน้าตามเจตนาเดิม เพียงแต่อาจล่าช้าจากคาดการณ์ไว้เท่านั้น เพราะต้องแก้ไขคุณสมบัติ และยื่น Relisting กับทางตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทเชื่อมั่นว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ และจะทำให้ FC กลายเป็นบริษัททางด้านพลังงานทดแทน ผลประกอบการพลิกเป็นบวกทันที จากที่เคยขาดทุนติดต่อกันมาเป็นระยะเวลา 5 ปี เนื่องจากกลุ่มไพร์มโรดกรุ๊ปได้รับเงื่อนไขการขายไฟที่ดี โดยมีอัตราการรับซื้อไฟ ซึ่งมี Adder ค่อนข้างสูง บางโครงการประมาณ 8 บาทต่อหน่อย อายุสัญญาระหว่าง 10-20 ปี"นายเอ สัจเดว์ กล่าว
ปัจจุบันกลุ่มไพร์มโรดกรุ๊ปเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) จำนวน 132 เมกะวัตต์ (MW) จาก 17 โครงการ และอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตซื้อขายไฟ (PPA) อีก 7 โครงการ รวมประมาณ 68 MW พร้อมกันนี้ ยังมองหาโอกาสในการเข้าลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน
ปัจจัยเหล่านี้จะสนับสนุนให้บริษัทกลายเป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงต่ำ การเติบโตมีความยั่งยืนจากโครงการที่มีอยู่ รวมถึงโครงการที่เตรียมจะCOD ในอนาคต และยังไม่นับรวมกับโอกาสใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาจากการลงทุนเพิ่มเติมของโครงการทั้งในและต่างประเทศ ทำให้บริษัทกลายเป็นหุ้นที่มีโอกาสการเติบโตสูง (High Growth) และอยู่ในธุรกิจน่าสนใจเข้าลงทุนในสายตาของนักลงทุนสถาบัน และกองทุนต่างๆ
ทั้งนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ FC เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2561 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจาก 2,767 ล้านบาท เป็น 25,508 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 22,740 ล้านหุ้น จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนด้วยการ 1.เสนอขายให้บุคคลในวงจำกัด(PP) จำนวน 14,881 ล้านหุ้น ให้กับ PRGD เพื่อชำระเป็นค่าตอบแทน ตามแผนการรวมธุรกิจ 2. รองใบสำคัญแสดงสิทธิ FC-W5 และ FC-W6 จำนวน 7,317 ล้านหุ้น และ 3. เพื่อรองรับการปรับสิทธิของ FC-W2 จำนวน 224.58 ล้านหุ้น
ผลของการเพิ่มทุนดังกล่าวจะส่งผลให้ PRGD กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ FC ในสัดส่วน 87.5% ขณะที่ นายอัครเดช ศรีชวาลา 1.26% และนายกฤษน์ ศรีชวาลา 1.09%