(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงตามภูมิภาค กังวล"ทรัมป์"ขู่เก็บภาษีสินค้าจีน ,มองเงินไหลเข้าช่วยพยุงตลาดอ่อนตัวไม่มาก

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 23, 2018 09:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง-อาจเผชิญแรง Take Profit บ้างหลังจากที่ดัชนีฯได้ปรับตัวขึ้นไปแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างติดลบกันทั่วหน้าแต่ไม่มากนัก จากความกังวลเรื่องที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าทุกประเภทที่นำเข้าจากจีนในวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเราอาจจะอ่อนตัวลงไม่มาก เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติได้กลับมาซื้อสุทธิเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และเช้านี้เงินบาทก็แข็งค่าขึ้นด้วย น่าจะช่วยหนุนให้ Fund Flow ไหลเข้ามา ประกอบกับราคาน้ำมันก็รีบาวด์ขึ้น ดังนั้น เช้านี้ตลาดฯยังน่าจะได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มแบงก์

สัปดาห์นี้ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 2/61 ต่อไป โดยในวันที่ 25 ก.ค.SCC จะประกาศงบฯ และในวันที่ 26 ก.ค. PTTEP จะประกาศงบฯ

พร้อมให้แนวรับ 1,658 จุด ส่วนแนวต้าน 1,680 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 ก.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,058.12 จุด ลดลง 6.38 จุด (-0.03%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,820.20 จุด ลดลง 5.10 จุด (-0.07%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,801.83 จุด ลดลง 2.66 จุด (-0.09%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 217.55 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 14.07 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 74.13 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 2.65 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.42 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 3.31 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.53 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 11.11 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ก.ค.61) 1,671.06 จุด เพิ่มขึ้น 24.17 จุด (+1.47%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,003.60 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ก.ค.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 ก.ค.61) ปิดที่ 70.46 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ หรือ 1.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ก.ค.61) ที่ 6.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.30/33 แนวโน้มแข็งค่าหลังดอลล์อ่อน มองกรอบวันนี้ 33.20-33.35
  • "กกพ."เตรียมปรับบทบาทรับการปฏิรูปพลังงานและเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก จ่อปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวบอำนาจการอนุญาตตั้งโรงไฟฟ้าไว้ที่สำนักงาน กกพ. เพียงแห่งเดียว โดยโละใบอนุญาตจาก 4 ใบ เหลือเพียงใบเดียว คาดเริ่มปี 63 พร้อมเดินหน้ารื้อโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ เสร็จสิ้นปีนี้ พร้อม โชว์ผลงาน 4 ปี จับตากรรมการบางส่วนอาจไขก๊อกเร็วๆ นี้ หลังรัฐกดดันหนัก
  • ธนาคารพาณิชย์ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนแรกของปี 2561 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2561 โดยธนาคารพาณิชย์ทั้ง 11 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ, กรุงไทย, ไทยพาณิชย์, กสิกรไทย, กรุงศรีอยุธยา, ธนชาต, ทหารไทย, ซีไอเอ็มบีไทย, ทิสโก้, เกียรตินาคิน, แอลเอชแบงก์ มีกำไรสุทธิรวม 55,308 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 47,358 ล้านบาท
  • "คลัง" ตั้งแท่นดันเศรษฐกิจปีนี้โตแกร่ง 5% หลัง "สมคิด" ประเมินจีดีพี 4.5% ยังต่ำเกินไป ระบุรัฐบาลต้องส่งมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมอีก 1.7 แสนล้านบาท ด้าน "พาณิชย์" เปิดตัวเลขนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย เดือน มิ.ย. โตกระฉูด 11.9%
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค (สินค้าฟุ่มเฟือย) เดือน มิ.ย. 2561 ที่มีมูลค่านำเข้า 2,249 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.9% ทำให้มูลค่าการนำเข้าใน 6 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 1.31 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12.4%

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SIMAT-W4 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ. ไซแมท เทคโนโลยี (SIMAT)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 43,689,582 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (9 ก.ค.61) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 8 ก.ค. 2564 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 8 ก.ค. 2564
  • KBANK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 235 บาท ปรับประมาณการกำไรปี 2561 ขึ้น 5% เป็น 3.9 หมื่นล้านบาท (+13.8% Y-Y) เพื่อสะท้อนกำไร Q2/61 ที่ดีกว่าคาดจากผลกระทบของรายได้ค่าธรรมเนียมการโอนผ่านดิจิทัลที่น้อยกว่าคาด, รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่มากกว่าคาด และรายได้ดอกเบี้ยที่เติบโตดีกว่าคาดทำให้ NIM เริ่มฟื้นตัว ภายหลังปรับประมาณการ ทำให้กำไร H1/61 ที่ 2.17 หมื่นล้านบาท +13% Y-Y และคิดเป็น 55% ของประมาณการทั้งปี สะท้อนว่าแนวโน้มกำไร H2/61 น่าจะอ่อนตัวลงจากการชะลอตัวลงของรายได้ค่าธรรมเนียม, รายได้เงินลงทุนที่ลดลงและค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มตามฤดูกาล
  • PTTEP (ไอร่า) เป้า 159 บาท แนวโน้มราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูง ส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของ PTTEP ล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 71 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยปัจจัยหลักมาจากข้อตกลงลดปริมาณการผลิตของกลุ่มโอเปกและรัสเซีย ตั้งแต่ต้นปี 60 ประกอบกับในช่วง 2Q/61 ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้การประชุมของกลุ่มโอเปกล่าสุดจะมีมติเพิ่มการผลิต แต่ไม่ได้ระบุตัวเลขที่แน่ชัด โดยคาดว่าจะเป็นการเพิ่มเพื่อชดเชยการผลิตที่หายไปเท่านั้น และคาดกลุ่มโอเปกมีเป้าหมายที่จะรักษาระดับราคาน้ำมันดิบที่ 70-80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นราคาที่รับได้ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค ขณะที่คาดกำไรสุทธิปีนี้สูงถึง 37,000 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 80% และคาดเงินปันผลอีก ประมาณ 1.30 บาท หรือคิดเป็น Div.Yield สูงเกือบ 4.0%
  • IVL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 75 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/61 เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 7.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29%qoq และ 155%yoy จากปริมาณขายและสเปรดมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ