TEAMG เผยรับงานโครงการใหม่ไม่น้อยกว่า 400 ลบ.ใน Q2/61 คาดงานรัฐหนุน backlog เพิ่มอีกช่วง H2/61

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 23, 2018 10:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชวลิต จันทรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ (TEAMG) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2/61 บริษัทได้รับงานโครงการใหม่เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ปริมาณงานในมือ (backlog) มีแนวโน้มเติบโตขึ้น เนื่องจากบริษัทรับงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะงานในประเภทกลุ่มคมนาคมระบบราง และงานโครงการที่เกี่ยวข้องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งงานอาคารขนาดใหญ่ของภาครัฐ ซึ่งล้วนแต่เป็นโครงการที่ต่อเนื่องมาจากงานที่กลุ่มบริษัทเคยได้ดำเนินการศึกษาหรือออกแบบจากในอดีตและปัจจุบัน

ณ สิ้นไตรมาส 1/61 บริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 3,473.94 ล้านบาท

หลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 12 ก.ค.61 บริษัทวางแผนจะนำเงินจากการระดมทุนจำนวน 436 ล้านบาท มาลงทุนในเทคโนโลยีก้าวหน้า และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับรองรับการขยายตัวของงานโครงการทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนทางการเงินในการบริหารสภาพคล่องของบริษัท โดยบริษัทจะเริ่มนำเงินจากการระดมทุนดังกล่าวมาลงทุนตามแผนการใช้เงิน ภายในไตรมาสที่ 3/61

บริษัทวางแผนขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัท โดยจะเดินหน้าขยายธุรกิจให้ครอบคลุม 10 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย บรูไน และสิงคโปร์ จากปัจจุบันที่ให้บริการใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ลาว เมียนมา และกัมพูชา

นายชวลิต กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้จากการให้บริการในปี 61 จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 2560 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,590 ล้านบาท อันจะส่งผลให้มีอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 6% เนื่องจากการผลิตและการส่งมอบงานจาก Backlog ที่มีได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับงานโครงการที่รับใหม่จากแผนยุทธศาสตร์ของภาครัฐที่จะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่คาดว่าจะเปิดประมูลในปีนี้ประมาณ 1.66 ล้านล้านบาท อีกทั้งภาครัฐยังมีการเร่งพัฒนาพื้นที่ EEC และพื้นที่เขตเศรษฐกิจอื่น ๆ ส่วนงานเอกชนยังมีการเติบโต เนื่องจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัว อีกทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนของอุตสาหกรรมคมนาคมยังมีการเร่งผลักดันโครงการรวมทั้งสิ้น 44 โครงการ ซึ่งมีงบลงทุนรวมทั้งสิ้น 2.02 ล้านล้านบาท ซึ่งปัจจัยที่กล่าวแสดงให้เห็นถึงโอกาสของบริษัทที่จะมีส่วนร่วมในโครงการต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีการเติบโตต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ