หุ้น SGP ราคาขยับขึ้น 2.75% มาอยู่ที่ 11.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 301.81 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.16 น. โดยเปิดตลาดที่ 11 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 11.30 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 11 บาท
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์นแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) ให้เป้าพื้นฐาน 13.1 บาท ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน Q2/61 ฟื้นตัว QoQ และ Turnaround YoY ขณะที่การเข้าลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้า และลดสินค้าคงคลังในช่วงที่ราคาก๊าซเป็นขาลง ช่วยลดความเสี่ยงที่ผลการดำเนินงานขาดทุนไปได้ดี โดยเริ่มเห็นตั้งแต่ Q1/61
นอกจากนี้ Upside ในอนาคต คือ การเข้าลงทุนธุรกิจ LNG ทั้งในประเทศและต่างประเทศ (จีน) คาดจะหนุนการเติบโตในอนาคต จากดีมานด์ LNG แทนการใช้ถ่านหินที่เพิ่มขึ้นมาก
เดิมธุรกิจของ SGP อิงกับราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกเป็นหลัก ซึ่งมีความผันผวนตามปัจจัยฤดูกาลและสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ ทำให้ผลการดำเนินงานมีความผันผวนสูงในแต่ละไตรมาส แต่ล่าสุดจากการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่ดีขึ้น วงจรเงินสด (Cash cycle) ที่สั้นขึ้น ทำให้ SGP ยังรักษากำไรได้ราว 100 ล้านบาท และประเมินในช่วงที่ราคาก๊าซเป็นขาขึ้นเช่นใน 2Q61 (+16.7%) SGP จะสามารถทำกำไรได้จากส่วนต่างราคา ซึ่งจะทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงาน Q2/61 จะพลิกจากขาดทุนใน Q2/60 และฟื้นตัวจาก Q1/61 (เบื้องต้นคาด Q2/61 กำไร 600 ล้านบาท ฟื้นตัวจากกำไร 100 ล้านบาท ใน Q1/61)
ปัจจุบัน SGP ถือหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่ประเทศพม่ากำลังการผลิตติดตั้ง 230MW ในสัดส่วน 36.1% โดยเราประเมินจะแบ่งส่วนแบ่งกำไรให้ SGP ได้เฉลี่ยปีละ +200 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยชดเชย ความผันผวนของธุรกิจแก็สที่เป็น Commodity ได้
การเปิดเสรีนำเข้าก๊าซของไทยคาดว่าจะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการอย่าง SGP ที่จะขยายธุรกิจไปยัง LNG โดยคาดภาครัฐฯจะเริ่มทยอยการเปิดเสรี โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หรือ EGAT เริ่มเปิดประมูลซื้อก๊าซ LNG เพื่อผลิตไฟฟ้าก่อน ซึ่ง SGP จะจับมือกับ กฟผ.อินเตอร์เนชั่นแนล (EGATi) บ.ลูกของ EGAT เข้าร่วมประมูล เมื่อมีการเปิดประมูลเป็นทางการ
ขณะที่ Upside ธุรกิจ LNG ที่ประเทศจีนก็เปิดกว้าง โดยปัจจุบันนโยบายภาครัฐจีน คือการลดการใช้ถ่านหิน ทำให้คาดดีมานด์ LNG ที่จีนจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ซึ่งทาง SGP วางแผนที่จะขยายธุรกิจ LNG ที่จีน (ยังไม่รวมในประมาณการฯ)