นายชลัช ชินธรรมมิตร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้รวมงวดปี 60/61 (พ.ย.60-ต.ค.61) จะใกล้เคียงกับปีก่อน แม้ว่าปริมาณผลผลิตจะเพิ่มขึ้น และราคาน้ำตาลปรับลดลงจากปีก่อน
โดยมีปริมาณอ้อยเข้าหีบในปีนี้เพิ่มขึ้น 60% มาที่ระดับ 11 ล้านตันอ้อย จากระดับ 6.8 ล้านตันอ้อยในปีที่แล้ว ตามปริมาณอ้อยทั่วประเทศที่เพิ่มขึ้นระดับสูงสุดประวัติการณ์ที่ 135 ล้านตันอ้อย จาก 94-96 ล้านตันอ้อยในปีที่แล้วจากปริมาณฝนที่มาก โดยปริมาณอ้อยเข้าหีบที่มากขึ้น ทำให้ปีนี้บริษัทจะน้ำตาลได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.1 ล้านตัน โดยส่วนใหญ่ราว 80% เป็นการส่งออก
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำตาลตลาดโลกในปีนี้ปรับลดลงมาราว 40% มาอยู่ที่เฉลี่ย 14-15 เซนต์/ปอนด์ ซึ่งราคาขายน้ำตาลของบริษัทก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน เนื่องจากตลาดที่โอเวอร์ซัพพลายตามปริมาณอ้อยที่มากจากภาวะฝนที่ดี
สำหรับโครงสร้างรายได้ของบริษัทในปีนี้จะมาจากธุรกิจน้ำตาลราว 85% และธุรกิจไฟฟ้าราว 10% ส่วนที่เหลือเป็นอื่น ๆ ขณะที่เอทานอล ได้เปลี่ยนการรับรู้จากเดิมจะบันทึกอยู่ในงบการเงินรวม ก็จะมาเป็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไร หลังจากที่นำธุรกิจเอทานอล ไปควบรวมกับธุรกิจชีวภาพของ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ภายใต้ชื่อ บมจ.บีบีจีไอ (BBGI) โดย KSL ถือหุ้น 40% และ BCP ถือหุ้น 60%
ส่วนธุรกิจไฟฟ้าปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ระดับ 250-270 เมกะวัตต์ โดยเป็นการขายไฟฟ้าเข้าระบบราว 50 เมกะวัตต์ ขณะที่อีกประมาณ 200 เมกะวัตต์จะใช้ในโรงงานน้ำตาลกลุ่มบริษัท
อนึ่ง งวดปี 59/60 (พ.ย.59-ต.ค.60) KSL มีกำไรสุทธิ 1.97 พันล้านบาท โดยมีรายได้รวมประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท ในส่วนนี้เป็นรายได้จากการขายและบริการ 1.56 หมื่นล้านบาท ขณะที่กำไรจากการควบรวมธุรกิจเอทานอล กับธุรกิจชีวภาพของ BCP ราว 1.9 พันล้านบาทหลังหักภาษี และมีบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ 223 ล้านบาท และบันทึกสำรองค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานเพิ่มขึ้น 56 ล้านบาท