นางสาวนิตา ตรีวีรานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ทาคูนิ กรุ๊ป (TAKUNI) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทแต่งตั้งให้ บริษัท เอส 14 แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อนำ บริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) จำกัด (CAZ) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยเตรียมยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในไตรมาส 3/61 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายใน mai ราวปลายปีนี้หรืออย่างช้าในช่วงต้นปี 62
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จาก CAZ คิดเป็นสัดส่วนราว 60% ของรายได้รวม TAKUNI จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 50% เนื่องจาก CAZ ได้รับงานใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ TAKUNI มียอดขายก๊าซ LPG ปรับตัวลดลงและงานส่วนอื่นๆ ยังคงชะลอตัว แต่หากบริษัทสามารถรับงานใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้สัดส่วนรายได้กลับมาอยู่ที่ 50%
บริษัทยังได้เข้าหารือกับ ก.ล.ต.เกี่ยวกับผลกระทบจากการ spin-off นำ CAZ เข้าตลาด mai ต่อรายได้หลักของ TAKUNI โดยชี้แจงเหตุผลว่าหาก TAKUNI เพิ่มทุนแล้วนำเงินที่ได้ไปใส่ใน CAZ จะทำให้เกิด Dilute ค่อนข้างมาก จึงมองว่าการนำ CAZ เข้าจดทะเบียนใน mai เป็นทางที่ดีกว่า และจะทำให้ CAZ สามารถรับงานได้มากขึ้น จากปัจจุบัน CAZ สามารถสร้างรายได้ราว 1,500 ล้านบาทต่อปี แต่ด้วยเครื่องมือต่างๆ และพื้นที่ของโรงงานที่ได้ลงทุนไปก่อนหน้านี้ บริษัทยังสามารถรับงานเพิ่มได้อีกมากหากมีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น
"เราได้คุยประเด็นนี้กับทาง ก.ล.ต. แล้ว และยังไม่ได้มีคำถามอะไรเพิ่มเติม พร้อมกับให้เข้ายื่นไฟลิ่ง ส่วนตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็เป็นห่วงประเด็นนี้เช่นกันว่า TAKUNI จะอยู่อย่างไร ซึ่งเราก็ให้เหตุผลเดียวกัน แต่จริงๆ แล้วคือเราจะอยู่แบบนี้ก็ได้ แต่ถ้าอยู่แบบนี้จะไม่ได้ประโยชน์ แต่ CAZ จะเป็นประโยชน์มากกว่า เพราะสามารถรับงานได้มากขึ้น ส่วนแบ่งกำไรก็เข้ามาที่ TAKUNI ก็จะมากขึ้นด้วย ซึ่งหลังจากที่ CAZ เข้าตลาดฯแล้วสัดส่วนการถือหุ้นของ TAKUNI จะลดลงเหลือ 37% จากปัจจุบันอยู่ที่ 51%"นางสาวนิตา กล่าว
นางสาวนิตา ยังมั่นใจว่า รายได้ของ TAKUNI ในปีนี้จะเติบโตเมื่อเทียบกับปี 60 ที่มีรายได้ 1,942.07 ล้านบาท โดยปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ดำเนินการโดย CAZ ที่มีการรับงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ราว 2,000 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามากว่า 100 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดในปี 62
อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่การเติบโตของของกำไรสุทธินั้น บริษัทยังต้องลุ้นว่า TAKUNI จะได้รับงานก่อสร้างคลังก๊าซเข้ามาเพิ่มเติมหรือไม่ โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการประมูลงานสร้างคลังก๊าซอยู่ 1 แห่ง มูลค่าราว 500 ล้านบาท คาดว่าจะรู้ผลการประมูลในไม่ช้านี้ หากได้งานนี้เข้ามาก็จะช่วยให้กำไรสุทธิของบริษัทเติบโตขึ้น
"ปีนี้รายได้เราเติบโตแน่นอนเพราะมีรายได้จากบริษัทลูกอย่าง CAZ เข้ามามากขึ้นหลังจากมีการรับงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ในแง่ของกำไรสุทธิยังคงต้องลุ้น เพราะยอดขายก๊าซปรับตัวลดลงตามปริมาณการใช้ที่ลดลง ประกอบกับบริษัทได้ยกเลิกการขายก๊าซให้กับลูกค้ารายใหญ่บางรายที่ไม่มีความสามารถในการชำระเงิน แต่หากได้งานสร้างคลังเข้ามาเราก็คาดว่ากำไรจะเติบโตได้"นางสาวนิตา กล่าว
สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ดำเนินการภายใต้บริษัทย่อย ชื่อบริษัท ทาคูนิ แลนด์ จำกัด นั้นปัจจุบันเตรียมพื้นที่ไว้แล้วประมาณ 15 ไร่ มีแผนจะพัฒนาโครงการแนวราบร่วมกับ บมจ.ธนาสิริ กรุ๊ป (THANA) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เบื้องต้นคาดว่ามูลค่าโครงการจะอยู่ที่ราว 500-600 ล้านบาท จำนวน 60 ยูนิต โดยอยู่ระหว่างรอจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการเปิดตัวโครงการ