GFPT คาดผลงาน H2/61 ดีกว่า H1/61 เป็นช่วงไฮซีซั่นส่งออก-บาทอ่อนหนุน หลังผ่านจุดต่ำสุดใน Q1/61

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 31, 2018 14:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีระ ธิตยางกรุวงศ์ ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสายงานนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.จีเอฟพีที (GFPT) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทคาดรายได้ปี 61 น่าจะทำได้ใกล้เคียง เมื่อเทียบกับปีก่อน จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 1.75 หมื่นล้านบาท เนื่องจากฐานที่ค่อนข้างสูงในปีก่อน และในไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาแตะระดับ 31.00-32.00 บาท/ดอลลาร์ ทำให้รายได้จากการส่งออกปรับตัวลดลง รวมถึงราคาวัตถุดิบ โดยเฉพาะข้าวโพด มีราคาสูงขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/61 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว และน่าจะปรับตัวดีขึ้นได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/61 เป็นต้นไป นอกจากนั้น ยังคาดว่าผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงของไฮซีซั่น โดยเฉพาะไตรมาส 3/61 เป็นฤดูกาลส่งออก โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มปริมาณการส่งออกชิ้นส่วนไก่ไปยังประเทศจีน จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้ยังไม่ถึง 10%

ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกไปยังญี่ปุ่นคิดเป็น 60%, สหภาพยุโรป 30% และอีก 10% เป็นประเทศอื่นๆ เช่น มาเลเซีย สิงค์โปร เกาหลี จีน เป็นต้น

นอกจากนี้ โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปปรุงสุกแห่งใหม่ของบริษัท แมคคีย์ ฟู้ด เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด (McKey)ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน (GFPT ถือ 49%) ได้เริ่มเดินเครื่องผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปปรุงสุกไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา อัตราการใช้กำลังการผลิตปัจจุบันอยู่ที่ 50% คาดว่าการใช้กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต รวมถึงโรงงานแปรรูปเนื้อไก่และโรงงานแปรรูปปรุงสุก ของบริษัท จีเอฟพีที นิชิเร (ประเทศไทย) จำกัด (GFN)ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน (GFPT ถือ 49%) ก็มีการเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันการรับรู้กำไรดข้ามายังไม่สูงมากนัก

"เรามองว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงของไฮซีซั่นของการส่งออก ประกอบกับค่าเงินบาท ณ ปัจจุบันปรับตัวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก หรือมาอยู่ที่ 33.00 บาท/ดอลลาร์ และราคาวัตถุดิบก็อยู่ในระดับที่ทรงตัวมากขึ้น ทำให้ครึ่งปีหลังนี้สถานการณ์โดยภาพรวมเริ่มดูดีขึ้น และน่าจะเลยจุดต่ำสุดไปแล้ว"นายวีระ กล่าว

พร้อมกันนี้ บริษัทวางแผนการดำเนินงานในระยะ 5 ปี (61-65) วางงบลงทุนรวมปีละ 1.0-1.2 พันล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายขยายฟาร์มไก่อย่างต่อเนื่อง ในระยะแรก (เฟส 1) จะเพิ่มจำนวนไก่อีกประมาณ 2-2.5 หมื่นตัว/วัน ภายในปี 63 ซึ่ง คาดว่าจะมีจำนวนไก่เพิ่มขึ้นเป็นทั้งสิ้น 3.8-3.9 แสนตัว/วัน จากปัจจุบันที่มีจำนวนไก่อยู่ที่ 2.9-3.0 แสนตัว/วัน

รวมทั้งมีแผนสร้างโรงแปรรูปปรุงสุกแห่งใหม่ คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จได้ในปี 65 ที่จะมีกำลังการผลิต 2.4 หมื่นล้านตัน/ปี และโรงงานเชือดไก่แห่งใหม่ที่ จ.ชลบุรี ซึ่งจะเป็นโรงงานแห่งที่ 3 เพื่อรองรับตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น และกลุ่มสหภาพยุโรป คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จได้ในปี 63 จากปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีกำลังการเชือดไก่รวม 2.8 แสนตัวต่อวัน และหลังจากที่โรงงานแห่งใหม่เริ่มดำเนินการแล้วจะสามารถเพิ่มกำลังเชือดไก่รวมเป็น 3.8 แสนตัวต่อวัน

นายวีระ กล่าวว่า บริษัทยังคงมองหาโอกาสการเข้าซื้อกิจการ (M&A) และการร่วมลงทุน (JV) ในบริษัทที่จะเข้ามาเสริมสร้างการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันจะมุ่งเน้นการเติบโตของบริษัทร่วมทุนทั้ง 2 บริษัทก่อน ซึ่งหากเริ่มอยู่ตัวก็มีความเป็นไปได้ในการศึกษาการเข้าลงทุนเพิ่มเติม โดยสิ่งที่ GFPT ยังขาดอยู่คือตลาดในประเทศที่มีการแข่งขันสูง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ