นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บมจ.เอเวอร์แลนด์ (EVER) เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์และโครงการแนวสูงให้มีสัดส่วน 50:50 ภายใน 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่พอร์ตรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากโครงการแนวสูง โดยจะทยอยเห็นการบาลานซ์ในปีนี้
"ในปีนี้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่หันมาให้น้ำหนักโครงการแนวราบมากขึ้น เนื่องจากมีซัพพลายแนวราบออกสู่ตลาดค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับโครงการแนวสูงที่มีมากกว่าในช่วงก่อนหน้า นอกจากนี้โครงการแนวราบมีการรับรู้รายได้เร็วกว่าโครงการแนวสูง"นายสวิจักร์ กล่าว
ทั้งนี้ EVER ได้เริ่มเน้นเปิดโครงการแนวราบในปีนี้ และมีแนวโน้มที่จะพัฒนาต่อเนื่องในปีถัดไปเนื่องจากพบว่าความต้องการยังมีสูง ขณะเดียวกันยังเป็นการสร้างรายได้เพิ่มขึ้น เพราะรับรู้ได้เร็วเมื่อเทียบกับโครงการแนวสูง โดยจะให้ความสำคัญในการสร้างแบรนด์แนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์" มายโฮม อเวนิว" และทาวน์โฮม แบรนด์ "เอเวอร์ ซิตี้ " ให้เป็นที่รู้จักของลูกค้ามากขึ้น
ที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวบ้านเดี่ยวสไตล์ MODERN CHIC มายโฮมอเวนิว ทำเลย่านรามอินทรา-จตุโชติราคา 3 ล้านกว่าบาท ในช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดี ขณะที่ทาวน์โฮมคาดจะเห็นทยอยเปิดโครงการในช่วงที่เหลือ ย่านทำเลสุขสวัสดิ์ , บางนา หนามแดง ฯลฯ ซึ่งบริษัทฯได้แบงก์ให้การสนับสนุนวงเงินในการซื้อที่ดินเพื่อรอการพัฒนาไว้เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม โครงการแนวสูง โดยเฉพาะโครงการย่านสนามบินน้ำนั้นยังได้รับการตอบรับที่ดี มีการจองอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเร่งปิดยอดขาย และโอนโครงการคอนโดมิเนียม"เดอะโพลิแทน บรีซ"มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท ซึ่งมีการออกโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการซื้อ เพิ่มยอดขายและยอดโอน โดยถือเป็นโครงการที่อยู่บนทำเลรถไฟฟ้าสายสีม่วง มีศักยภาพ และน่าสนใจไม่น้อยกว่าสายอื่นๆ
ปัจจุบัน เดอะโพลิแทน บรีซ มียอดขายแล้ว 1,000 ล้านบาทจะก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 3 นี้และเริ่มโอนในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งนอกเหนือโครงการแนวสูง เดอะ โพลิแทน ริฟ และโครงการเดอะโพลิแทน อควา ที่จะทยอยรับรู้ตั้งแต่ปีหน้า
"ในปีนี้จะเป็นปีแห่งการเทิร์นอะราวด์จากปีก่อน และน่าจะเห็นกำไรได้บ้าง รายได้ปีนี้เราตั้งเป้าไว้ที่ 1,900-2,000 ล้านบาท หลักๆในปีนี้สัดส่วน 90% ยังคงมาจากรายได้จากแนวสูง และจะพยายามเพิ่มสัดส่วนแนวราบที่ปีนี้ขยายตัว พบว่าความต้องการยังมีอยู่สูง ขณะที่ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ก็มีแนวโน้มที่ดี ด้านการกู้เงินอาจต้องพิจารณาควบคู่กันไป เพราะการที่หนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้แบงก์มีความระมัดระวัง"