DRT ตั้งเป้าปี 51 ยอดขายโต 10% จาก 2.4 พันลบ.ในปี 50/เล็งส่งออกเพิ่ม

          นายอัศนี ชันทอง กรรมการผู้จัดการ บมจ.กระเบื้องหลังคาตราเพชร  (DRT) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าในปี 51 จะมียอดขายเติบโต 10% จากปี 50 ที่คาดว่าจะมียอดขายตามเป้าที่วางไว้ 2.4 พันล้านบาท โดยจะเป็นการเติบโตจากสินค้าเดิมและสินค้าใหม่ ที่บริษัทได้มีการเพิ่มสายการผลิตให้มีความทันสมัยและตรงตามความต้องการของลูกค้า โดยในปีหน้า บริษัทมีแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กระเบื้องที่ไม่มีใยหิน และ กระเบื้องลอนคู่ 
          ในปีหน้าปัจจัยที่ยังกดดันภาพรวมธุรกิจและบริษัทต่อเนื่องจากปีนี้อยู่ที่ต้นทุนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาปูนซิเมนต์ปรับขึ้นประมาณ 10% ตามราคาน้ำมัน ซึ่งถือว่าเป็นวัตถุดิบหลัก  อย่างไรก็ตาม บริษัทได้หาแนวทางแก้ไขด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพกำลังการผลิตให้มาก เพื่อชดเชยต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น 
          ด้านนายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการขายและการตลาด DRT กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทมีแผนในการสั่งซื้อเครื่องจักรเพิ่มการผลิตไฟเบอร์ซีเมนต์บอร์ดชนิดไม่มีใยหิน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและการเพิ่มไลน์การผลิต โดยคาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 400-500 ล้านบาท และจะผลิตได้ในช่วงไตรมาส 2/51 
          การเพิ่มเครื่องจักรจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตอีก 6 หมื่นตัน/ปี จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 5 แสนตัน/ปี ซึ่งขณะนี้มีอัตราใช้กำลังการผลิต 50%
          นอกจากนี้ ในปี 51 บริษัทจะขยายตลาดใหม่ไปยังต่างประเทศมากขึ้น คาดจะเพิ่มสัดส่วนส่งออกเป็น 15% จากปัจจุบันที่ 10% โดยตลาดที่จะส่งออกเพิ่ม ได้แก่ เวียดนาม ที่ได้รับผลดีจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโต นอกจากนั้นเป็นตลาดที่ส่งออกอยู่แล้ว ได้แก่ จีน กัมพูชา พม่า ไต้หวัน ก็เตรียมที่จะเพิ่มปริมาณส่งออกเช่นกัน 
          นายสาธิต กล่าวว่า ปีหน้าบริษัทคงจะไม่มีสินต้าใหม่ออกมามากนักเท่ากับปี 50 ที่มีออกสินค้าใหม่  6 ตัว โดยสินค้าใหม่ที่ออกจะเจาะลึกแต่ละกลุ่มลูกค้าทั้งระดับกลางถึงบน และมีการเปลี่ยนรูปแบบให้ทันสมัย ซึ่งในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาบริษัทได้ออกสินค้าใหม่ เป็นกระเบื้องหลังคาตัวว่าว ซึ่งได้รับการตอบที่ดี และเชื่อว่าจะสร้างยอดขายในไตรมาส 4/50 ประมาณ 30 ล้านบาท และปีหน้าอีกประมาณ  120 ล้านบาท
          "การที่เรามีกระแสเงินสด 300 กว่าล้านบาท มี D/E ระดับต่ำที่ 0.3 เท่า ไม่ถือว่าเป็นปัญหาสำหรับกาลงทุนเครื่องจักรของเราและเราก็จะรักษา Gross Profit margin ให้ต่ำกว่า30% ทุกปีรวมถึงปีหน้า เพื่อให้เป็นที่พอใจของผู้ถือหุ้น และในปีนี้เราก็เชื่อว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้มากกว่าปีก่อนที่จ่ายไป 1.10 บาทต่อหุ้น เพราะ 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีกำไร 316 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ากำไรทั้งปี 49"นายสาธิต กล่าว