นายณัฐพล ลือพร้อมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า แนวโน้มสินเชื่อบ้านของธนาคารในปีนี้มีโอกาสขยายตัวได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 11% ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งในส่วนของสินเชื่อใหม่ และสินเชื่อคงค้าง หลังจากที่ครึ่งปีแรกสินเชื่อบ้านเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยที่สินเชื่อใหม่ปล่อยไปแล้ว 3.1-3.2 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายปล่อยใหม่ถึงสิ้นปี 6.3 หมื่นล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้างในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2.3 แสนล้านบาท จากเป้าหมายสินเชื่อคงค้างสิ้นปีนี้ 2.4 แสนล้านบาท
สำหรับช่วงครึ่งปีหลังธนาคารคาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อบ้านได้เพิ่มขึ้น เพราะเป็นช่วงซีซั่นที่ผู้ประกอบอสังหาริมทรัพย์เริ่มทยอยก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จและเริ่มทยอยโอนโครงการ ซึ่งคาดว่าส่วนใหญ่จะไปกระจุกตัวในช่วงปลายไตรมาส 3/61 และไตรมาส 4/61 โดยที่สัดส่วนการโอนโครงการจะแบ่งเป็นครึ่งปีแรก 40% และครึ่งปีหลัง 60% ประกอบกับมุมมองภาพรวตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ยังเป็นภาพบวก จากเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจและตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น ขณะที่ดีมานด์และซัพพลายในตลาดขยับเข้ามาใกล้กัน ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น และเป็นแรงหนุนส่งมาที่สินเชื่อบ้านด้วย
อีกทั้งการที่ธนาคารได้ปรับกระบวนการในการทำงานและพิจารณาสินเชื่อ ทำให้พนักงานของธนาคารเข้าถึงผู้ประกอบการและลูกค้ามากขึ้นกว่าเดิมส่งผลให้มีลูกค้ามาใช้บริการสินเชื่อบ้านกับธนาคารมากขึ้น โดยที่กลยุทธ์ของธนาคารจะมุ่งเน้นไปที่การเข้าถึงผู้ประกอบการและลูกค้าเป็นหลัก เพื่อทำให้ธนาคารได้ฐานลูกค้าใหม่เข้ามา และไม่เน้นการดึงลูกค้าจากสถาบันการเงินรายอื่นเข้ามามาก เพื่อทำให้ฐานลูกค้าของธนาคารกระจายไปในหลากหลายกลุ่มมากขึ้น แม้ว่าในแง่ของอัตราดอกเบี้ยเสินเชื่อบ้านของธนาคารจะเริ่มทยอยปรับขึ้นมาตั้งแต่เดือนก.ค. ตามต้นทุนทางการเงินเริ่มสูงขึ้น และแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งธนาคารจุปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นในส่วนของลูกค้าที่ครบกำหนดดอกเบี้ยอัตราพิเศษ
"อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของธนาคารในช่วง 3 ปีแรก เฉลี่ยอยู่ที่ 3% และธนาคารมองว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของธนาคารอื่น ๆ จะเริ่มทยอยปรับเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มของภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเห็นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของทั้งระบบธนาคารพาณิชย์สูงกว่า 3% และจะไม่มีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า 3% แล้ว เพราะทุกธนาคารจะต้องกลับมาดูต้นทุนทางการเงินของตัวเอง และคิดอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องและตามภาวะของดอกเบี้ยในช่วงนั้นที่มีแนวโน้มขาขึ้น"นายณัฐพล กล่าว
นายณัฐพล กล่าวว่า ด้านแนวโน้มสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่ามีโอกาสลดลง จนถึงสิ้นปีคาดว่าจะอยู่ที่ 2.4% จากครึ่งปีแรกที่ 2.6% จากการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น ทำให้ NPL ลดลง แต่อย่างไรก็ตามธนาคารจะควบคุม NPL ให้อยู่ในกรอบเป้าหมายในช่วง 2.4-2.6% และยังไม่มีสัญญาณว่า NPL ของลูกค้าสินเชื่อบ้านจะเพิ่มขึ้นในช่วงนี้