นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า การลงทุนในหุ้นถือว่ามีความน่าสนใจสูงที่สุด เนื่องจากหุ้นไทยให้ผลตอบแทนสูง 11.61% สูงกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นในรอบ 10 ปี เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภททองคำที่ให้ผลตอบแทน 4.5% ต่อปี พันธบัตรรัฐบาล 5.15% ต่อปี เงินฝากประจำ 1 ปี 1.7% ต่อปี นอกจากนี้หุ้นไทยยังให้ปันผลค่าเฉลี่ยอยู่ที่มากกว่า 3% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากที่ 0.6-0.7%
สำหรับพื้นฐานของตลาดหลักทรัพย์ไทยมีสภาพคล่องสูงเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนต่อเนื่อง 6-7 ปี ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 65,000 ล้านบาทต่อวัน สูงเป็น 2 เท่าของสิงคโปร์ ส่วนมูลค่าการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของตลาดหุ้นไทยถือว่ามากที่สุดติดต่อกันมา 5 ปี ซึ่งคิดเป็นมูลค่าการระดมทุนรวม 670,000 ล้านบาท รองลงมาคือสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
ด้านความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน นายภากร กล่าวว่า มีอัตราเติบโตเกิน 10% ในแต่ละปี โตกว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) หลายเท่า โดย 10 ปีที่ผ่านมา Norminal GDP ไทยโต 5% ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโต 2.8 เท่าของจีดีพี สูงสุดในอาเซียน
นอกจากนี้ประเด็นเรื่องความยั่งยืน บริษัทจดทะเบียนไทยได้รับคัดเลือกเข้าดัชนี DJSI ถึง 17 บริษัท ซึ่งตลท. ให้ความสำคัญการประเด็นเรื่องธรรมาภิบาลค่อนข้างมาก
ขณะที่ล่าสุด ตลท.ได้จัดทำดัชนี SETCLMV เป็นกลุ่มบริษัทที่มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน 46% ของรายได้รวม ซึ่งทำให้รายได้เติบโตแข็งแกร่ง เป็นหนึ่งทางเลือกให้กับนักลงทุนช่วยกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุนมากขึ้น