นายอลงกต บุญมาสุข ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายบริหารพันธมิตรและส่งเสริมการตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารยังมั่นใจเป้าหมายสินเชื่อบ้านของธนาคารในปีนี้ยังเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้โต 6-7% ทั้งสินเชื่อคงค้างและสินเชื่อใหม่ โดยที่ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ของสินเชื่อบ้านในปีนี้อยู่ที่ 6.4 หมื่นล้านบาท แต่ในภาพรวมครึ่งปีแรกการปล่อยสินเชื่อบ้านของธนาคารนั้นยังถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย ซึ่งคาดว่ามาจากการที่ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรกยังไม่คึกคักมากนัก และการโอนโครงการยังไม่มาก
อย่างไรก็ตามธนาคารคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มเห็นการเติบโตที่ชัดเจนมากขึ้น โดยจะมีการโอนที่เพิ่มมากขึ้นกว่าครึ่งปีแรกซึ่งเป็นช่วงซีซั่นปกติของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ประกอบการจะโอนในช่วงปลายปีเป็นส่วนมาก ทำให้ในช่วงปลายปีนี้จะมีความต้องการใช้สินเชื่อบ้านเพิ่มมากขึ้น และจะทำให้สินเชื่อบ้านของธนาคารจะเติบโตมากขึ้นกว่าครึ่งปีแรก
อีกทั้งในส่วนของแผนงานสินเชื่อของธนาคารกสิกรไทยในครึ่งปีหลังนี้จะมีการนำระบบดิจิทัลเข้ามาใช้กับการขอกู้สินเชื่อบ้านของลูกค้า โดยในเว็บไซต์ของธนาคารกสิกรไทยจะให้ลูกค้าตรวจสุขภาพทางการเงินก่อนการกู้ยืมสินเชื่อ เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้กับลูกค้า และในอนาคตจะนำระบบการขอสินเชื่อบ้านเข้าไปในแอพพลิเคชั่น K PLUS เพื่อทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อบ้านของธนาคารได้ง่ายขึ้น และทำให้ลูกค้าสามารถทราบถึงวงเงินที่ลูกค้าแต่ละรายสามารถกู้ได้ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า สามารถใช้บริการผลิตภัณฑ์ของธนาคารได้ทุกที่ทุกเวลา
ส่วนประเด็นเรื่องสัดส่วนการให้วงเงินต่อมูลค่าหลักประกันของสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ธนาคารได้มีการพูดคุยกันในสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย และพบว่าส่วนใหญ่ไม่มีการให้สินเชื่อเกินมูลค่า LTV และในส่วนของธนาคารนั้นปัจจุบันให้วงเงินไม่เกิน 100% ของราคาขายบ้าน หรือบางรายอาจจะให้เท่ากับราคาขายบ้าน และเป็นไปตามความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย โดยที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบจะให้วงเงินกู้ที่ 95% ของราคาขาย และสินเชื่อที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมจะให้วงเงินสินเชื่อที่ 90% ของราคาขาย ส่วนวงเงินสินเชื่อหากลูกค้าต้องการใช้ตกแต่งจะเสนอเป็นสินเชื่อประเภทอื่นซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าสินเชื่อบ้าน
สำหรับแนวโน้มสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสินเชื่อบ้านของธนาคารในปัจจุบันอยู่ที่ไม่ถึง 4% ใกล้เคียงกับระบบที่เกือบ 4% และธนาคารจะควบคุมให้ไม่เกิน 4% ซึ่งมีการควบคุมคุณภาพหนี้ของลูกค้าเป็นอย่างดี และยังไม่มีแนวโน้มที่ลูกค้าจะเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้น เพราะแนวโน้มของภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้ลูกค้ามีรายได้และมีความสามารถในการชำระหนี้เพิ่มขึ้น รวมถึงธนาคารยังคงมีการควบคุมการพิจาณาสินเชื่อบ้านที่ยังระมัดระวังในระดับหนึ่ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านคุณภาพหนี้ให้อยู่ในระดับที่ธนาคารมองว่าเหมาะสม