(เพิ่มเติม) PTT ประเมินค่าเช่า-ค่าเบี้ยปรับ-ภาระภาษีในเบื้องต้น 1.1 หมื่นลบ.

          นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) กล่าวว่า ทรัพย์สินทั้งที่ดินและระบบท่อส่งก๊าซ รวมทั้งสิทธิต่าง ๆ ที่จะต้องโอนกลับไปให้รัฐตามคำสั่งศาลคิดเป็นมูลค่าประมาณ 15,139 ล้านบาท โดยบริษัทได้ประเมินค่าเช่าทรัพย์สินที่โอนกลับไป ซึ่งต้องจ่ายย้อนหลังไปถึง 1 ต.ค.44 รวมถึงเบี้ยปรับ และภาระภาษี-ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่บริษัทต้องชำระในเบื้องต้นจะมีมูลค่าประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท
          สำหรับทรัพย์สินที่จะต้องโอนกลับไปยังรัฐบาล ประกอบด้วย ที่ดินจากการเวนคืนที่ใช้เงินทุนรัฐและอำนาจมหาชนของรัฐ สิทธิวางท่อก๊าซเหนือที่ดินเอกชน ท่อส่งก๊าซและระบบ ที่ได้มาในช่วงที่มีสถานะเป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หรือก่อน 1 ต.ค.44 โดยที่ดินจำนวน 32 ไร่ มูลค่าประมาณ 7 ล้านบาท สิทธิเหนือที่ดินเอกชน คิดเป็นมูลค่า ณ 30 ก.ย.44 ประมาณ 1,124 ล้านบาท และ ระบบท่อส่งก๊าซ คิดเป็นมูลค่า ณ 30 ก.ย.44 ประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท
          นายประเสริฐ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีในวันนี้เห็นชอบหลักการแบ่งแยกทรัพย์สินและอำนาจสิทธิของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ที่ได้มาก่อน 1 ต.ค.44 และโอนทรัพย์สินและสิทธิดังกล่าวกลับคืนไปยังกระทรวงการคลัง 
          พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมธนารักษ์กำหนดหลักเกณฑ์การคิดอัตราค่าเช่าระบบท่อภายใน 3 สัปดาห์ โดยต้องคำนึงถึงภาระเงินกู้ของบริษัทที่นำมาลงทุนสร้างระบบท่อส่งก๊าซ ภาระการบำรุงรักษา และค่าเสื่อม รวมทั้งคำนึงถึงระบบท่อที่มีการก่อสร้างเป็นช่วง ๆ เชื่อมต่อกัน และมีการโอนกลับไปเพียงบางส่วน โดยระบบท่อในส่วนที่ PTT ติดต่อบนที่ดินที่จัดซื้อภายหลังการแปรรูปเป็นบริษัทมหาชนจำกัด หรือระบบท่อส่งก๊าซในทะเลไม่ได้โอนกลับไปยังรัฐ
          ทั้งนี้ PTT พร้อมจะจ่ายค่าเช่าทรัพย์สินต่าง ๆ ตามคำสั่งศาล ย้อนหลังไปถึง 1 ต.ค.44 พร้อมทั้งค่าเบี้ยปรับ ซึ่งการคิดอัตราค่าเช่าจะต้องอยู่บนระบบการค้าที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ PTT ผู้ถือหุ้น ผู้ใช้ก๊าซ และผู้บริโภค นอกจากนั้น ยังจะมีภาระภาษีและค่าธรรมเนียมการโอนทรัพย์สิน 
          นายประเสริฐ กล่าวว่า บริษัทได้ประเมินเบื้องต้นว่าการเช่าที่ดินและท่อส่งก๊าซ และค่าเช่าย้อนหลัง รวมทั้งเบี้ยปรับเงินเพิ่มน่าจะอยู่ที่ประมาณ 9 พันล้านบาท ภายใต้อัตราค่าเช่าขั้นต่ำประมาณ 5% ของรายได้ เป็นเวลา 30 ปี ยังไม่รวมการหักค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาและเงินลงทุนอีก 3% ขณะที่ภาระภาษีการโอน ภาษีโรงเรือน ภาษีค่าเสื่อม ภาษีค่าเช่า ภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งเบี้ยปรับ และค่าธรรมเนียมค่าง ๆ น่าจะอยู่ประมาณ 2 พันล้านบาทบวก/ลบ           
          นายพิชัย ชุณหวชิร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่การเงินและบัญชีองค์กร PTT กล่าวว่า บริษัทจะบันทึกบัญชีการโอนทรัพย์สินและสิทธิต่าง ๆ รวมถึงภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นภายในงบการเงินไตรมาส 4/50 รวมมูลค่าประมาณ 3.2 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นภาระภาษี 2 พันล้านบาท และอีก 1.2 พันล้านบาทเป็นค่าเช่าที่ดินและท่อก๊าซย้อนหลัง 6 ปี หรือปีละ 200 ล้านบาท 
          อย่างไรก็ตาม การโอนสินทรัพย์และภาระต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบกับการระดมทุนและการออกหุ้นกู้ของบริษัท หลังจากนี้บริษัทจะเดินสายชี้แจงนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้เข้าใจกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว