นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะกลับมามีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/61 จากที่ขาดทุนสุทธิตั้งแต่ไตรมาส 2/60 หลังจากที่ราคาปูนซีเมนต์เริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้โดยปัจจุบันอยู่ที่ราว 40 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากช่วงต้นปีที่อยู่ราว 30 เหรียญสหรัฐ/ตัน รวมถึงมีต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลงจากราคาถ่านหินที่เริ่มลดลง ตลอดจนบมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) ซึ่งเป็นบริษัทลูกมีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจะผลักดันให้ทั้งปีนี้บริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ จากปี 60 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 1.26 พันล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังหันมาส่งออกปูนซีเมนต์ในระดับ 30% ของกำลังการผลิตที่มีราว 13 ล้านตัน/ปี โดยปัจจุบันส่งออกไปอาเซียน บังคลาเทศ จีน ตะวันออกกลาง ซึ่งปัจจุบันราคาส่งออกและอัตรากำไร (มาร์จิ้น) นับว่าอยู่ในระดับที่ดี โดยราคาปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นหลังจากที่จีนได้สั่งหยุดโรงงานปูนบางแห่งจากปัญหามลพิษ ทำให้ปริมาณปูนหายไปราว 250 ล้านตัน/ปีขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศปีนี้คาดว่าจะเติบโตราว 3-4% จากปีก่อน ตามการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ
"Q3 เราน่าจะเริ่มมีกำไรได้เพราะราคาปูนเริ่มดีขึ้นในครึ่งปีหลัง ปีนี้เราส่งออกประมาณ 30% ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แต่ราคาและมาร์จิ้นดีขึ้น"นายประชัย กล่าว
นายประชัย กล่าวอีกว่า บริษัทยังให้ความสนใจเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรต่างชาติหลายราย ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ เป็นต้น ก่อนจะสรุปแล้วเข้ายื่นประมูลในเดือนพ.ย.61 โดยการที่สนใจเข้าลงทุนครั้งนี้เนื่องจากมูลค่าลงทุนราวครึ่งหนึ่งจากมูลค่าโครงการ 2 แสนล้านบาทนั้นจะอยู่ในส่วนของงานปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งหากบริษัทได้งานโครงการนี้ก็จะช่วยหนุนยอดขายปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างของบริษัทได้ทั้งหมด ซึ่งบริษัทมีความพร้อมในการหาแหล่งทุนเพื่อเตรียมรองรับการลงทุนแล้ว