โบรกเกอร์ต่างแนะนำ"ซื้อ"หุ้นธนาคารทหารไทย (TMB) หลังจากประกาศขายหุ้นบลจ.ทหารไทย สัดส่วน 65% ให้กับบริษัท พรูเด็นเชียล คอร์ปอเรชั่น เอเชีย จำกัด ช่วยลดความเสี่ยงด้านรายได้ค่าธรรมเนียมไม่ให้กระจุกตัวในธุรกิจกองทุนรวมมากเกินไป และได้พันธมิตรระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการสินทรัพย์เข้ามาเสริมศักยภาพ ซึ่งสามารถช่วยส่งเสริมศักยภาพของธุรกิจกองทุนรวม และหนุนรายได้ค่าธรรมเนียมในระยะยาวได้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ธนาคารยังมีความท้าทายในด้านเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อที่อาจพลาดเป้าหมายเติบโต 8-10% และการกระจายตัวของสินเชื่อจากที่กระจุกตัวอยู่ในสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งเป็นสินเชื่อที่ไห้มาร์จิ้นต่ำ ส่วนการขยายสินเชื่อเอสเอ็มอียังเติบโตไม่มาก ส่งผลกดดันส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ของธนาคารที่อาจจะมีแนวโน้มลดลงได้
แต่ความน่าสนใจของหุ้น TMB ยังคงอยู่ที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงไปมากสะท้อนผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 ที่ออกมาแย่กว่าคาดไปแล้ว และเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในระยะยาวได้
ราคาหุ้น TMB ปิดช่วงเช้านี้ที่ 2.28 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ขณะที่ SET -0.81%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เอเชีย เวลท์ ซื้อ 2.75 ไทยพาณิชย์ ซื้อ 2.75 ดีบีเอส ซื้อ 2.67 ทรีนีตี้ ซื้อ 2.60
นางวชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย ผู้ช่วย กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า แม้ผลการดำเนินในไตรมาส 2/61 จะออกมาไม่ดีนัก และได้สะท้อนไปที่ราคาหุ้นที่ปรับลดลงไปแล้วและเป็นระดับที่น่าสนใจในการเข้าซื้อ ซึ่งหากมองในระยะ 3 ปีข้างหน้า ธนาคารจะผลักดันให้กำไรสุทธิเติบโตได้เฉลี่ย 12.5% ต่อปี
ประกอบกับเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารได้ขายหุ้นของบลจ.ทหารไทย (TMBAM) สัดส่วน 65% ให้กับบริษัท พรูเด็นเชียล คอร์ปอเรชั่น เอเชีย จำกัด ทำให้มีพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์นะดับโลกเข้ามาสนับสนุนงานด้านการลงทุน และทำให้ธนาคารลดความเสี่ยงด้านรายได้ค่าธรรมเนียมในการขายกองทุน ซึ่งเห็นได้จากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 ที่ผ่านมาที่รายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายกองทุนส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทค่อนข้างมาก
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังของปี 61 ยังคงมีความท้ายทายในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งในปีนี้มองว่าการขยายตัวของสินเชื่อที่ธนาคารตั้งเป้าไว้ที่ โต 8-10% อาจจะพลาดเป้าหมาย คาดว่าจะทำได้เพียงเติบโต 6% จากการที่ธนาคารเริ่มมีความต้องการกระจายสัดส่วนของสินเชื่อไปที่กลุ่มอื่นๆเพิ่มขึ้น และชะลอการขยายตัวของสินเชื่อรายใหญ่ลงไป เพราะการเร่งขยายตัวของสินเชื่อรายใหญ่มากเกินไปจะส่งผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ให้ปรับตัวลดลง
แต่การขยายสินเชื่อเอสเอึมอีก็ยังมีความเสี่ยงด้านคุณภาพหนี้อยู่มาก ทำให้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารยังต้องระมัดระวัง โดยที่สินเชื่อที่ยังเติบโตได้ดีเป็นกลุ่มสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อบ้าน ส่วนการตั้งสำรองฯของธนคารยังคงอยู่ในระดับที่สูง 140% ทำให้ยังไม่มีปัจจัยสำหรับการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ของ บล.เอเชีย เวลท์ คงคำแนะนำ"ซื้อ"หุ้น TMB แต่ปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 2.75 บาท จากเดิม 2.80 บาท คำนวณจาก prospective PBV ที่ 1.25 เท่า โดยมองว่าการปรับลดราคาหุ้นได้สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของ TMB ที่อ่อนแอกว่าคาดแล้ว ทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมและสินเชื่อ นอกจากนี้ แนวโน้มโดยรวมของธนาคารยังดูน่าสนใจอยู่ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของกำไรสุทธิในช่วง 3 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 12.5%
ด้านนางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า การขายหุ้น บลจ.ทหารไทย สัดส่วน 65% ให้กับบริษัท พรูเด็นเชียล คอร์ปอเรชั่น เอเชีย จำกัด จะส่งผลบวกต่อ TMB และลูกค้าในระยะยาว ซึ่งการมีพันธมิตรระดับโลกจะช่วยเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งของการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีมูลค่ากว่า 188 ล้านบาท ได้เป็นอย่างดี และเป็นการกระจายความเสี่ยงของธนาคารในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมที่จะไม่พึ่งพิงรายได้จากการขายกองทุนมากจนเกินไป โดยที่ได้รับผลกระทบต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 ที่ปรับตัวลดลงจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง จากปัจจัยหลักของธุรกิจ บลจ.กดดัน
โดยดีลดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 61 และธนาคารจะมีการบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนครั้งนี้ และความน่าสนใจของ TMB ยังเป็นราคาหุ้นที่สดลงไปค่อนข้างมากสะท้อนผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 ที่ออกมาไม่ค่อยดีนักไปแล้ว ทำให้เป็นโอกาสที่จะเข้าซื้อได้ แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้จะมีความท้าทายในด้านภาพรวมของผลกานดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มของสินเชื่อที่มีโอกาสพลาดเป้าหมายเติบโต 8-10% จากสินเชื่อเอสเอ็มอีขยายตัวได้น้อย และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ที่มีแนวโน้มลดลง จากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีอยู่มาก และปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีได้น้อยต่หากมองภาพในระยะยาวธนาคารจะเริ่มกระจายสัดส่วนสินเชื่อให้เหมาะสม และสามารถหารายได้และกำไรจากธุรกิจบลจ.ที่ลดลงไป หลังจากการขายออกไปได้
ด้านนักวิเคราะห์จาก บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า มองภาพระยะยาวหลังจากที่ TMB ขายหุ้นบลจ.ทหารไทย สัดส่วน 65% ให้กับบริษัท พรูเด็นเชียล คอร์ปอเรชั่น เอเชีย จำกัด ช่วยหนุนความแข็งแกร่งของ บลจ.ทหารไทย และสามารถช่วยหนุนรายได้ค่าธรรมเนียมของธุรกิจกองทุนได้ เนื่องจากมีพันธมิตรที่เชี่ยวชาญในธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ระดับโลกเข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงของธนาคารที่จะไม่พึ่งพิงรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจกองทุนรวมมากจนเกินไป
ขณะที่ราคาหุ้นของธนาคารได้ปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมากแล้ว ทำให้มีโอกาสที่จะอัพไซด์ขึ้นได้หากผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังและในอนาคตออกมาดี หลังจากที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 ที่ออกมาแย่กว่าที่คาดไว้และสะท้อนไปที่ราคาหุ้นแล้ว โดยแนวโน้มในครึ่งปีหลังของปีนี้คาดว่าการขยายตัวของสินเชื่อจะไม่โดดเด่นนัก และมีโอกาสพลาดเป้าที่ธนาคารตั้งไว้โต 8-10% แต่คาดว่ารายได้ดอกเบี้ยจะดีขึ้นเล็กน้อย และค่าใช้จ่ายสำรองฯลดลง หากการ write-off หนี้ไม่มากเท่ากับครึ่งปีแรก และธนาคารยังไม่มีผลกระทบที่กดดันในเรื่องการยกเลิกค่าธรรมเนียมผ่านการทำธุรกรรมในช่องทางดิจิทัล