นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็มวิชั่น (MVP) วางกลยุทธ์เติบโตตาม Megatrend ของโลกทั้งในกลุ่ม Mobile, Sport และ Tourism เป็นเป้าหมายหลักในการเดินหน้าจัดอีเว้นท์หลากหลาย บริการสื่อโฆษณา และการพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซ พร้อมเพิ่มโอกาสสร้างรายได้จากธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เพื่อเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งในการยกระดับองค์กรให้มีความเป็นสากลภายใต้จุดแข็งในความเชื่อมั่นของคู่ค้า-ลูกค้าที่มีมาอย่างต่อเนื่อง
เริ่มจาก Mobile ในอนาคตทุกๆ อย่างจะถูกรวมเข้ามาอยู่ในกลุ่มของโทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ และส่วนอื่นๆ อีก ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากงาน Mobile Expo มาเป็น Mobile Related Expo ส่วนด้านการท่องเที่ยวนั้น ประเทศไทยไม่สามารถจะขาดการท่องเที่ยวได้ และยังมีทิศทางการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่กีฬาถือเป็นเทรนด์ใหม่ของโลกที่เติบโตค่อนข้างมาก
"เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้วว่าวันหยุดจะมีใน Facebook ให้เห็นเต็มไปหมด อีกไม่นานก็จะถูกชักชวนให้ออกไปวิ่งบ้างเช่นกัน หากออกไปวิ่งแล้วก็จะเข้าใจว่าธุรกิจนี้ใหญ่มากแค่ไหน มองจริงๆ จังๆ แล้วก็จะเห็นว่ายังไม่มีบริษัทไหนที่จะเข้าไปบุกเพื่อที่จะหารายได้จากธุรกิจนี้เลย เทรนด์โลกเราเห็นอยู่แล้วว่ากีฬามาแรงแค่ไหน มีการเติบโตที่ค่อนข้างมาก และหากมองดูเร็วๆนะ จะเห็นว่ายังไม่ได้มีบริษัทไหนที่เข้ามาเอาเงินตรงนี้ไปเลย เราเลยอยากจะขอาสาเป็นตัวแทนทำให้เกิดการใช้เงินในระบบนี้"นายโอภาส กล่าว
นายโอภาส กล่าวว่า บริษัทวางนโยบายรองรับเทรนด์ด้านเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือที่เปลี่ยนแปลงไป โดยวางตัวเองเป็นศูนย์กลางของวงการโทรศัพท์มือถือ หรือที่เรียกว่า Mobile Related โดยรวมทุกอย่างที่เป็นการสื่อสารไร้สาย Internet of Things (IoT) หรืออุปกรณ์ทุกอย่างที่สามารถไส่ซิมการ์ดลงไปได้ อาทิ ทีวี ไมโครเวฟ รถจักยานยนต์ไฟฟ้า และทุกๆอย่างที่มีการเชื่อมต่อกันแบบไร้สาย
ในช่วงต้นปีที่ผ่านบริษัทได้จัดงาน Thailand Mobile Expo และภายในงานยังได้มีการสอดแทรกงาน EV EXPO เข้าไป เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าต้องไส่ซิมการ์ดเพื่อเชื่อต่อโทรศัพท์มือถือ และอนาคตยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากที่ต้องใช้ซิมการ์ดและเชื่อมต่อในระบบไร้สายมากขึ้น บริษัทจึงมีแนวคิดรวมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นนี้เป็นกลุ่ม Mobile Relate โดยในช่วงปลายปีงาน Thailand Mobile Expo จะมีโซนใหม่เกิดขึ้น คือ Consumer Electric หรือโซนเครื่องใช้ไฟฟ้า
ด้วยการเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นนี้จะมีการเก็บค่าบริการรายเดือน จะส่งผลให้กลับมาในรูปแบบการขายมือถือที่มาพร้อมแพ็คเกจ ก็จะเปลี่ยนไปเป็นผูกแพ็คเกจเพื่อซื้อสินค้าที่มีการเชื่อมต่อ ซึ่งทุกๆอย่างนี้ก็จะเข้ามาอยู่ในกลุ่มมือถือของเราเช่นกัน จะส่งผลให้ทุกๆผลิตภัณฑ์เข้ามาอยู่ในกลุ่ม Mobile Related Expo
"ช่วงนี้ถ้าใครได้เดินทางไปจะเห็นว่าอุตสาหกรรมรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าใหญ่มาก ใหญ่จนกระทั่งประเทศจีนเองก็ตกใจว่าโตเร็วจนน่ากลัว ซึ่งมองว่าเพิ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายตัว รัฐบาลจีนได้สนับสนุนและลดราคาขายรถยนต์ไฟฟ้าลงมา และที่น่าสังเกตคือว่ารถทุกคันไส่ซิมหมด หรือพูดง่ายๆว่าโทรศัพท์มือถือที่มีล้อเคลื่อนที่ได้นั่นเอง ในราคา 4-5 หมื่นบาทจับต้องได้แล้วจดทะเบียนได้ด้วย และยังเจ๋งกว่านั้นตรงที่ว่าสินค้าเหล่านี้ถูกขายโดยค่ายมือถือ หรือร้านขายมือถือ ซึ่งโลกเรากำลังจะถูกแปลงสภาพให้เทคโนโลยีเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ซึ่งที่เราเห็นแอร์ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า หม้อหุงข้าว กาต้มน้ำ สามารถต่อไวไฟได้ ทุกอย่างคือ Mobile Related ทั้งหมด "นายโอภาส กล่าว
ส่วนเทคโนโลยีตัวโทรศัพท์มือถือยังมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง หลังจากผ่าน GEN 3 หรือที่เรียกว่า Feature Phone ทุกคนได้เปลี่ยนมาอยู่ที่ GEN 4 หรือ Touch Screen หรือ Smartphone ในยุคปัจจุบันงาน Mobile Expo ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากหลังจาก GEN 5 กำลังจะมา ซึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการ โดยจะได้เห็นโทรศัพท์ที่สามารถงอและพับได้ รวมทั้งโทรศัพท์ที่หน้าจอมีความคงทนมากขึ้น ตกไม่แตก คาดว่าทุกคนจะเปลี่ยนเข้าสู่ GEN 5 ทั้งหมด
งาน Mobile Expo ครั้งใหม่จะย้ายพื้นที่จัดงานไปยัง Bitec Bangna ซึ่งเป็นพื้นที่ Prime Area ทั้งหมด ต่างจากศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เดิมที่มี Prime Area แค่บางส่วน ดังนั้น จะทำให้ภาพงานใหญ่ขึ้น และส่วนการแสดงสินค้าที่เคยถูกจำกัดพื้นที่ อย่าง EV EXPO, Consumer Electric และ Internet of Things ก็สามารถขยายพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น
นายโอภาส กล่าวต่อถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดงานกีฬาและงานท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกลุ่ม Megatrend ที่ได้รับความนิยมอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งบริษัทจัดการแข่งขันการวิ่งและกีฬามาแล้ว 3 ปี ได้รับการตอบรับที่ดีมาตลอด และทุกครั้งที่เปิดให้สมัครจะมีผู้เข้าร่วมงานเต็มทุกครั้ง จนถึงขั้นต้องคัดเลือกผู้เข้าร่วมงาน ตามกระแสรักสุขภาพที่ทำให้เกิดความนิยมและต้องการเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
"MVP ถือว่าอยู่ในกลุ่มการจัดงานที่เรียกว่า Megatrend หรือเทรนด์สุขภาพที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เสาร์ อาทิตย์ นี่ไม่มีใครที่อัพเฟซบุ๊กโดยไม่มีภาพวิ่งภาพกีฬา หมดยุคแล้วที่จะอัพว่านอนดึกตื่นสายไม่มีแล้ว มีแต่การออกกำลังกาย และสุดท้ายทุกคนจะถูกลากออกมาวิ่ง ซึ่งเรื่องสุขภาพถือว่าเป็นเรื่องใหญ่"นายโอภาส กล่าว
ในส่วนของงานท่องเที่ยว ซึ่งประเทศไทยมีสัดส่วนผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP) ที่มาจากรายได้ด้านการท่องเที่ยวราว 25% ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐบาลไม่เคยลดวงเงินสนับสนุนเพื่อโปรโมทด้านการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นก็ตาม โดยปัจจุบันแต่ละปีจะมีงบประมาณสูงถึง 80,000 ล้านบาท แต่การความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะพื้นที่ Unseen Thailand ยังไม่สามารถใช้งานได้จริง เพราะที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกยังมีไม่มากพอ
บริษัทจึงมองเห็นโอกาสจากข้อด้อยดังกล่าว โดยนำรถบ้านมาเป็นรถคาราวานสำหรับรองรับการท่องเที่ยวและท่องเที่ยวเชิงกีฬา รวมถึงการจัดอีเว้นท์ต่างๆ ทั่วประเทศทั้งในพื้นที่ของภาครัฐและเอกชน หลังจากเริ่มทดลองนำมาให้บริการมาแล้ว 2 ปีรวมถึงการวิ่งการกุศลเพื่อระดมทุนช่วยโรงพยาบาลทั่วประเทศของนักร้องชื่อดัง"ตูน บอดี้สแลม"จากนั้นได้นำไปให้บริการงานวิ่งต่าง ๆ ที่บริษัทจัดขึ้นมาเป็นร้อยงาน ส่งผลให้บริษัทสามารถนำคนจำนวนมากๆ ไปจัดงานในพื้นที่ Unseen Thailand ทุกที่ในประเทศไทย
ทั้งนี้ เบื้องต้นบริษัทมีแผนเพิ่มรถบ้านเคลื่อนที่ (mobile car) เพื่อรองรับผู้เข้าพักให้ได้ราว 3-5 พันคน จากปีนี้ที่มีรถบ้านเคลื่อนที่ทั้งหมดราว 50 คัน
ทั้งนี้ ในปีถัดไปบริษัทเตรียมที่จะดึงชาวต่างชาติเข้ามาร่วมงานอีเว้นท์ด้านการท่องเที่ยวและกีฬาและไทย โดยเฉพาะชาวยุโรปและสแกนดิเนเวีย ซึ่งภูมิอากาศในกลุ่มประเทศดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการเล่นกีฬาหลายประเภทในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.ขณะที่ประเทศไทยยังมีพื้นที่ที่สามารถรองรับความต้องการดังกล่าวได้อีกมาก และ MVP มีความพร้อมในการจัดงานอีเว้นท์ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมทั้งมีระบบในการดูแลทั้งหมดทั้ง e-Commerce และ Media & Agency ที่มีความถนัด โดยนำคาราวานรถบ้านเข้ามาสนับสนุนการจัดงานด้วย
"ประเทศไทยนี่คือสวรรค์ แต่ปรากฏว่ามาถึงก็ซ้ำที่เดิม เราจะมาทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องเป็นราว อย่างเช่นจังหวัดตากที่มีพื้นที่ 80% คือ อุทยาน ซึ่งแต่ละอุทยานมีพื้นที่กว่า 1.6 แสนไร่ ไม่เคยมีใครไปใช้เลย เราจึงจะมาใช้เรื่องนี้ให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด ส่วนนี้เป็นเพียงการเริ่มต้น การแข่งขัน (ทางธุรกิจ) ก็น้อยเพราะส่วนใหญ่จะเข้ามาช่วยกันมากกว่า โดยสิ่งที่เราพูดมานี้ยังเป็นงานเอกชน ยังไม่ได้รวมกับงบสนับสนุนจากภาครัฐ 80,000 ล้านบาท ที่เราสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้อีกด้วย"นายโอภาส กล่าว
อนึ่ง MVP เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วัตถุประสงค์ของการระดมทุนเพื่อใช้เป็นเงินทุนในการซื้ออุปกรณ์สำหรับการขยายธุรกิจการจัดงาน, ใช้เป็นเงินทุนสำหรับการพัฒนาระบบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์, ใช้เป็นเงินทุนสำหรับก่อสร้างอาคารสำหรับเก็บอุปกรณ์ คาดว่าจะใช้เงินภายในปี 63 และใช้เป็นเงินทุนในหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ, ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงินคาดว่าจะใช้เงินภายในปี 62
https://www.youtube.com/watch?v=PbiO5LBBXb4&feature=youtu.be