บมจ. ซี เอ แซด (ประเทศไทย) (CAZ) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) ฉบับแรกต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 2 ส.ค.61 โดยบริษัทจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 28.57% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO และมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีบริษัท เอส 14 แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ บริษัทจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนส่วนหนึ่งต่อผู้ถือหุ้นของ บมจ.ทาคูนิ กรุ๊ป (TAKUNI) จำนวน 16 ล้านหุ้น คิดเป็น 20%
วัตถุประสงค์ของการใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เบื้องต้นจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน จำนวน 135 ล้านบาทภายในปี 61 และใช้ลงทุนซื้ออุปกรณ์เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจ 115 ล้านบาทภายในปี 62 รวมมีความต้องการใช้เงินทุนราว 250 ล้านบาท
CAZ ประกอบธุรกิจการให้บริการด้านการออกแบบวิศวกรรม การจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ และการบริหารจัดการงานรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจรในกลุ่มพลังงาน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในทุกขั้นตอน โดยช่องทางการรับงาน มีทั้งการให้บริการตรงจากบริษัทเจ้าของโครงการ (Project Owner) และจากบริษัทผู้รับเหมาหลัก (Main Contractor) โดยการให้บริการส่วนใหญ่เป็นงานที่มีความซับซ้อน และมีมาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยที่เข้มงวด จึงต้องอาศัยความชำนาญ
ลักษณะงานและการบริการแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่ 1. บริการรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร (Engineering, Procurement and Construction: EPC) 2. บริการรับเหมาก่อสร้างติดตั้งโครงสร้างและระบบ (Structural Mechanical Piping (SMP) and Electrical and Instrument Service) 3. บริการงานด้านวิศวกรรมโยธาและอาคาร (Civil and Building Service) 4. บริการผลิต ประกอบ และบริการอื่น (Fabrication and Other Service)
โครงการในอนาคต บริษัทมีแผนลงทุนพัฒนาด้านไอทีทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (Hardware) และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Software) จำนวนประมาณ 24.50 ล้านบาท และซื้อเครื่องจักรที่ใช้ในการประกอบธุรกิจในจำนวนประมาณ 90.50 ล้านบาท รวมเป็นเงินจำนวนประมาณ 115.00 ล้านบาท ซึ่งประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับในอนาคต มีโปรแกรมและอุปกรณ์เพียงพอ เพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัทฯ และลดค่าใช้จ่ายในการเช่าอุปกรณ์ที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งานของบริษัทฯ รวมถึงเพิ่มความสามารถในการรับงานโครงการใหม่ ๆ ให้แก่บริษัทฯ
ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงปี 58-60 บริษัทมีรายได้จากการก่อสร้างจำนวน 742.54 ล้านบาท, 651.30 ล้านบาท และ 1,019.29 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นงานประเภทติดตั้งโครงสร้างและระบบ โดยในปี 60 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการให้บริการประเภท EPC เพิ่มขึ้น คิดเป็น 53.98% ของรายได้จากการก่อสร้างรวม ในด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.30 ล้านบาท, 12.68 ล้านบาท และ 23.17 ล้านบาท ตามลำดับ
บริษัทมีการปรับปรุงงบการเงินย้อนหลังสำหรับปี 58 โดยการบันทึกรายจ่ายโดยให้หุ้นเป็นเกณฑ์ (ในค่าใช้จ่ายการบริหาร) จำนวน 6.37 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการออกหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในเดือน มี.ค.58 ส่งผลให้กำไรสุทธิสำหรับปี 58 ลดลงจากเดิมเท่ากับ 14.67 ล้านบาท เป็น 8.30 ล้านบาท และกำไรสะสม ณ วันที่ 31 ธ.ค.58 ลดลงจากเดิมจำนวน 22.57 ล้านบาท เหลือ 16.20 ล้านบาท
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 1/61 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการก่อสร้างจำนวน 374.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้จากการให้บริการจำนวน 132.15 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 183.42 ซึ่งมีสาเหตุจากการรับรู้รายได้ของโครงการหลักที่กำลังก่อสร้าง ซึ่งเป็นงานต่อเนื่องมาจากปี 60 ขณะที่มีกำไรสุทธิ 17.36 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 มิ.ย.61 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 140 ล้านบาท เป็นทุนที่เรียกชำระแล้ว 100 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้บริษัทจะมีทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 140 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 280 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทล่าสุดเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.61 ระกอบด้วย 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม TAKUNI ถือหุ้น 102,600,000 หุ้น คิดเป็น 51.30% หลังเสนอขาย IPO ครั้งนี้จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 36.64% รองลงมาเป็นกลุ่ม CAZ ถือหุ้น 97,400,000 หุ้น คิดเป็น 48.70% จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 34.79%
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40.00 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักเงินสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทได้กำหนดไว้จากงบการเงินเฉพาะกิจการ