นายเศรษฐสรร เศรษฐการุณย์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.น้ำมันพืชไทย(TVO) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 51 เติบโตอย่างน้อย 10-15% ขณะที่กำไรก็มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น พร้อมกันนั้นบริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาขยายกำลังการผลิตในอนาคต เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากอัตราการใช้กำลังผลิตขณะนี้สูงถึง 82% แล้ว
"อย่างน้อยยอดขายก็เพิ่มขึ้น เป็นเท่าไรพูดยากแต่เพิ่มขึ้นมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น พร้อมกันนี้ กำลังพิจารณาที่จะขยายกำลังการผลิตว่าจะดำเนินการอย่างไรซึ่งอยู่ในแผนงาน เพราะยังไงก็ต้องโตอยู่แล้ว"นายเศรษฐสรร กล่าว
ในปี 50 คาดว่าเฉพาะน้ำมันพืชไทยจะมีรายได้ไม่รวมบริษัทย่อยอยู่ที่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 49 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 15,317 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิปีนี้เป็นไปตามภาวะตลาดขึ้นอยู่กับปริมาณขายและต้นทุนวัตถุดิบ แต่แนวโน้มปีหน้ากำไรสุทธิดีขึ้น ทั้งนี้ เชื่อว่าอัตรากำไรขั้นต้น(gross margin)ไตรมาส 4/50 คงจะใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยที่ประมาณ 12%
ขณะที่น.ส.สุนันทา ไตรเทพาภิรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี TVO กล่าวว่า บริษัทได้หารือกันในเบื้องต้นเกี่ยวกับการขยายกำลังการผลิต เนื่องจากขณะนี้ใช้อัตราการผลิตเกือบเต็ม capacity แล้ว โดยปจจุบัน อัตราการใช้กำลังการผลิตสูงถึง 82% จาก capacity อยู่ที่ 4 พันตัน/วัน ในอนาคตก็อาจจะไม่เพียงพอ ส่วนจะเห็นในปีหน้าหรือเร็วๆนี้หรือไม่ยังตอบไม่ได้ และต้องรอความเห็นของที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทก่อน
"ในอนาคตถ้ามองว่าจะขยายฐานการขายให้มากขึ้นกำลังการผลิตที่มีอยู่ก็อาจจะไม่เพียงพอ ต้องเตรียมการไว้ก่อนตอนนี้ยัง 80% ถ้ารอผลิตเต็มที่ที่ 100% แล้วไปขยายก็อาจจะช้าเกินไป" น.ส.สุนันทา กล่าว
*แนวโน้มราคาน้ำมันพืชดีต่อเนื่อง เหตุผลิตไม่พอ-ความต้องการพลังงานทดแทน
นายเศรษฐสรร กล่าวว่า ทิศทางปีหน้าแนวโน้มราคาน้ำมันพืชทุกตัวยังคงอยู่ในแนวโน้มที่จะขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ผลิตน้ำมันพืชเกือบทุกตัวราคาปรับขึ้น เนื่องจากปริมาณการผลิตต่ำกว่าความต้องการหรือผลิตได้ไม่พอกับการใช้ ประกอบกับ ปัจจุบันความต้องการใช้พลังงานทดแทนที่ผลิตจากพืชมีสูงขึ้น
"เป็นผลที่ปรากฎอยู่ในขณะนี้อยู่แล้วที่หลายๆประเทศมีนโยบายส่งเสริมให้มีการผลิตพลังงานทดแทนในส่วนของดีเซลต้องมาจากน้ำมันพืชตัวใดตัวหนึ่งซึ่งก็เป็นตัวที่ทำให้ภาวะราคาน้ำมันพืชทุกตัวปรับขึ้น เป็นผลดึงให้ราคาวัตถุดิบปรับขึ้นด้วย เป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นอยู่แล้วและคงจะเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องไปในอนาคตเพราะเป็นตัวเดียวในขณะนี้ที่จะลดการพึ่งพาน้ำมันจากปิโตรเลียม"นายเศรษฐสรร กล่าว
ราคากากถั่วเหลืองซึ่งเป็นสินค้าของเราอีกตัวหนึ่งการใช้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ยังอยู่ในระดับการเลี้ยงเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเติบโตประมาณ 4-5% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และ ราคาน้ำมันถั่วเหลืองได้ปรับขึ้นตามภาวะของวัตถุดิบที่ปรับขึ้นด้วย
"สำหรับกากถั่วเหลืองเราผลิตเองทั้งหมด คือนำเข้าถั่วเหลืองมาผลิตเป็นกากถั่วเหลือง ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองจากเมล็ดถั่วเหลือง ซึ่งทั้งราคากากถั่วเหลืองและน้ำมันถั่วเหลืองก็ต้องปรับขึ้นตามวัตถุดิบ การเลี้ยงสัตว์คงยังเติบโตต่อเนื่องถ้าราคาไก่ ราคาหมู อยู่ในเกณฑ์ดีขึ้นการเลี้ยงก็คงโตต่อเนื่อง" นายเศรษฐสรร กล่าว
ปัจจุบันราคาขายน้ำมันถั่วเหลืองอยู่ที่ 36 บาท/ก.ก. ถ้าเป็นขวดบรรจุ 1 ลิตรอยู่ที่ 44-45 บาท ในช่วงไตรมาส 4/50 บริษัทเริ่มปรับราคาตามต้นทุนวัตถุดิบที่ขึ้นมา จากช่วงไตรมาส 3/50 ขนาด 1 ลิตร อยู่ที่ 38-40 บาท และขายให้กับภาคอุตสาหกรรมอยู่ระดับประมาณ 32-33 บาท/ก.ก.
นายเศรษฐสรร คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/50 ยังอยู่ในแนวโน้มที่ดี เนื่องจากการบริโภคน้ำมันพืชโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี อุตสาหกรรมต่างๆ ปรับรับกับราคาที่ปรับตัวขึ้นมา ขณะที่การใช้น้ำมันพืชยังเติบโตอย่างสม่ำเสมอ
"ไตรมาส 4/50 ผลประกอบการจะดีกว่าไตรมาส 3/50 หรือไม่ยังต้องดูอยู่ แต่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ขณะที่ปริมาณขายใกล้เคียงกับไตรมาส 3/50" นายเศรษฐสรร กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/จำเนียร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--