(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: วิตกเงินเฟ้อสหรัฐ ฉุดฮั่งเส็งปิดร่วง 967.06 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 17, 2007 16:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดร่วงลงในวันนี้ (17 ธ.ค.) โดยดัชนีร่วงลงต่ำกว่าระดับ 27,000 จุด เนื่องจากนักลงทุนต่างพากันเทขายหุ้นทั่วทั้งกระดานจากความวิตกกังวลที่ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้นอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่ปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้ง
บรรยากาศการซื้อขายยังคงได้รับผลกระทบหลังจากที่ราคาน้ำมันได้พุ่งขึ้นในการซื้อขายที่ตลาดเอเชียเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ หลังจากที่เกิดพายุหิมะถล่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอย่างหนักในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันฮีทติ้งออยล์จะเพิ่มมากขึ้น
สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งปิดร่วงลง 967.06 จุด หรือ 3.5% ปิดที่ 26,596.58 จุด หลังเคลื่อนไหวในกรอบ 26,551.37 และ 27,245.51 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 1.044 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง
"อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาดได้สร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุน ซึ่งได้คาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีหน้า" เคนนี่ ถัง ผู้ช่วยผู้อำนวยการทัง ไต๋ ซิเคียวริตี้ส์กล่าว
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ 0.8% ในเดือนพ.ย. ส่งผลให้นักลงทุนไม่กล้าเข้าซื้อหุ้น
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยดัชนีร่วงลง 2,244.05 จุด หรือ 6.1% แตะที่ 34,500.56 จุด การที่เฟดได้ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงก่อนหน้านี้ส่งผลให้ดัชนีในภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น จนถึงขณะนี้เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 1% ในปีนี้ ขณะที่ตลาดคาดหวังว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีกในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาปัญหาตลาดสินเชื่อที่เกิดขึ้น
หุ้นบริษัทจีนมีการซื้อขายลดลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีท่าทีวิตกกังวลว่า จีนอาจออกมาตรการคุมเข้มทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในประเทศเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ปีที่ 6.9% โดยหุ้นกลุ่มธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ของจีนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากนโยบายควบคุมการขยายตัวของสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นนั้นอาจเป็นปัจจัยที่จำกัดการขยายตัวในภาคธุรกิจดังกล่าว
"นักลงทุนยังคงมีท่าทีระมัดระวังเกี่ยวกับเศรษฐกิจของสหรัฐและนโยบายคุมเข้มเศรษฐกิจในจีน และคาดว่าตลาดหุ้นฮ่องกงจะยังคงซบเซาต่อไปเช่นนี้จนถึงช่วงสิ้นปี" เบ็น คว็อง หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติงานของเคจีไอ เอเชีย ลิมิเต็ดกล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่าจีนอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อซึ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี โดยจนถึงขณะนี้จีนได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะเวลา 1 ปีไปแล้ว 5 ครั้งในปีนี้ มาอยู่ที่ระดับ 7.29% และได้ขึ้นเพดานสำรองเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้ที่ธนาคารกลางแล้ว 10 ครั้งในปีนี้ มาอยู่ที่ 14.5% รวมถึงยังได้ออกมาตรการควบคุมการขยายตัวด้านการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ในประเทศอีกด้วย
หุ้นอินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงค์ ออฟ ไชน่า ลดลง 22 เซนต์ หุ้นแบงค์ ออฟ ไชน่า ลดลง 8 เซนต์ และหุ้นไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงค์ ร่วงลง 23 เซนต์
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกงลดลง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นได้สร้างความวิตกกังวลว่าเฟดอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง
หุ้นซัน ฮุง ไก พร็อพเพอร์ตี้ส์ ลดลง 10.40 ดอลลาร์ หุ้นชวงกง ลดลง 8 ดอลลาร์ หุ้นซิโน แลนด์ ขยับลง 1.20 ดอลลาร์ และหุ้นเฮนเดอร์สัน แลนด์ ลดลง 5.75 ดอลลาร์
ความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลงนั้นเป็นปัจจัยที่ฉุดให้หุ้นกลุ่มน้ำมันลดลง แม้ว่าราคาน้ำมันจะเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม โดยหุ้นปิโตรไชน่า ร่วงลง 44 เซนต์ และหุ้นซีนุ๊ก ร่วงลง 60 เซนต์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ