นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอพเพิล เวลธ์ เปิดเผยว่า ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือน ส.ค.61 มีโอกาสแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,725 – 1,740 จุด จากประเด็นผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยในไตรมาส 2/61 ที่มีแนวโน้มออกมาเป็นบวกตามทิศทางผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่ประกาศออกก่อนหน้าขยายตัวดีกว่าคาดการณ์ (+1.6% QoQ, +17.4%YoY) ทั้งนี้ คาดว่ากำไรหุ้นกลุ่มธนาคารปีนี้จะขยายตัวที่ 8.4% ดีกว่าประมาณการณ์เดิมราว 4%
"ผลจากสินเชื่อที่คาดจะขยายตัว 6.5% และธนาคารมีรายได้อื่นจากเงินลงทุน กำไรปริวรรตเงินตรา เมื่อรวมผลกระทบจากมาตรการฟรีค่าธรรมเนียมการโอน ประกอบกับการเลื่อนบังคับใช้มาตรฐานบัญชี IFRS9 ออกไปอีก 1 ปี ช่วยลดภาระการกันสำรอง ส่วนผลประกอบการ กลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมีคาดมีแนวโน้มขยายตัวดีจากราคาน้ำมันดิบ และสเปรดราคาโอเลฟินส์ทรงตัวระดับสูง ประกอบกับมีกำไรจากสต็อกช่วยหนุน ส่วนกลุ่มไอซีทีคาดได้แรงหนุนจากผลประกอบการ ADVANC ที่คาดขยายตัวราว 12%จากงวดเดียวกันปีก่อน และ TRUE รับรู้จากกำไรจากการขายกองทุน DIF"นายอภิชัย กล่าว
นายอภิชัย กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าตลาดหุ้นไทยช่วงเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา มีความผันผวนลดลงตามทิศทางของตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากสหรัฐฯสามารถตกลงกับสหภาพยุโรป (อียู) ไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นแนวโน้มบวกต่อการเจรจาเกี่ยวภาษีนำเข้ารถยนต์ยุโรปในอนาคต ขณะที่จีนออกมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศด้วยมาตรการลดภาษี 1.1 ล้านหยวน และงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 1.35 ล้านหยวน เพื่อลดความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว
ขณะเดียวกัน ทิศทางค่าเงินสหรัฐฯก็เริ่มอ่อนค่าลง ส่งผลให้ Fund Flow นักลงทุนต่างประเทศเริ่มเข้าซื้อในตลาดหุ้นเกิดใหม่ และได้สนับสนุนให้หุ้นไทยมีการฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุด บริเวณ 1,600 จุด ขึ้นมาทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,700 จุด แต่ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ระดับ 4.5 หมื่นล้านบาท ยังสะท้อนภาพการรีบาวด์กลับที่ไม่ค่อยแข็งแรงนัก และเมื่อพิจาณาจากแนวต้านทางโครงสร้างดัชนี SET ที่มีนัยสำคัญ คือ 1,725 – 1,745จุด ส่งผลให้ Upside ดัชนีฯเหลือค่อนข้างน้อย
"ให้นักลงทุนระวังแรงขาย Sell On Fact หลังจากผ่านช่วงรายงานผลประกอบการของบจ. เนื่องจาก Upside ดัชนีฯเริ่มจำกัด ปัจจุบันเทรดที่ระดับ ค่าเฉลี่ย Forward P/E ย้อนหลัง 3 ปีที่ 15.50 เท่า ขณะที่ Fund Flow ช่วงปลายเดือน ส.ค. – ก.ย. อาจจะกลับมาผันผวนอีกครั้ง จากปัจจัยสหรัฐอาจจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีกล็อตมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯในเดือนก.ย. นี้ และการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐอีก 1 ครั้งในการประชุมวันที่ 25 – 26 ก.ย. รวมถึง MSCI จะมีการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นจีน A-Share ในดัชนี MSCI EM Index จาก 0.37% เป็น 0.74% "
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำทยอยขายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,725 – 1,740 โดยวางแนวรับที่ 1,660 – 1,680 จุด แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่ยังมีสัญญาณบวกเชิงโมเมนตัม เช่น CPF,GFPT,BEM,QH