นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ต.ค.61) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้น 6.69% อยู่ที่ระดับ 108.11 แต่ยังอยู่ในเกณฑ์"ทรงตัว" (Neutral) ซึ่งมีช่วงค่าดัชนี 80-120
ทั้งนี้ ผลการสำรวจ ชี้ว่าทิศทางการลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า นักลงทุนเชื่อมั่นการเติบโตเศรษฐกิจของไทย คาดวังว่ายอดขายสุทธิต่างประเทศมีมูลค่าลดลง และเชื่อมั่นผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงมีความกังวลทิศทางเงินทุนไหลเข้าออกระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายกีดดันทางการค้าและสงครามทางการค้า ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจโลก อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง เป็นปัจจัยที่นักลงทุนติดตามมากที่สุด
สำหรับเศรษฐกิจในภูมิภาคอื่นๆ นั้น ประเด็นหลักที่ต้องพิจารณาคือ ทิศทางเศรษฐกิจโลกแม้ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจโลก จะยังขยายตัวแข็งแกร่ง 3.9% แต่มีความกังวลสงครามการค้า ที่คาดว่าจะกระทบต่อการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกในปี 2563 ผลกระทบจากการเจรจา Brexit ของอังกฤษที่มีท่าทีประนีประนอมมากขึ้น ทิศทางนโยบายทางการเงินของธนาคารยุโรปที่ส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยตลอดปีนี้ ทิศทางนโยบายทางการเงินของญี่ปุ่นที่อาจมีการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงิน ขณะที่ต้องพิจารณาถึงแนวโน้มผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจจีนที่มีต่อสงครามทางการค้า รวมถึงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินและการคลังของจีนและการอ่อนค่าของค่าเงินหยวน ที่จะมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาค
"ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ เดือนกรกฎาคม มีการเคลื่อนไหวแกว่งตัวในทิศทางที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของเดือน จากนั้นช่วงกลางเดือนดัชนีฯมีการเคลื่อนไหวในทิศทางที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุด 1,601.42 จุดในช่วงต้นเดือน มาสู่ระดับสูงสุดที่ 1,701 จุด ในช่วงปลายเดือน จากแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศที่ลดลงในช่วงเดือนกรกฎาคม และความเชื่อมั่นภาวะเศรษฐกิจของไทยที่มีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง และ GDP Growth มีแนวโน้มขยายตัวถึง 4-5% ตามนโยบายการกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐ"
นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า ดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบเดือนมิถุนายนนี้ อยู่ที่ระดับ 54 สะท้อนความเชื่อมั่นของตลาดว่า กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% ในการประชุมที่จะถึงนี้ โดยให้น้ำหนักในปัจจัยหลัก ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวอยู่ในกรอบนโยบาย การคาดการณ์การขยายตัวที่ดีทางเศรษฐกิจ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เป็นหลัก ทั้งนี้ตลาดเริ่มที่จะคาดการณ์ถึงการปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นกันบ้างแล้ว
ดัชนีคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 5 ปี และ 10 ปี ในช่วงประชุม กนง. รอบเดือนกันยายน 2561 (ประมาณ 11 สัปดาห์ข้างหน้า) อยู่ที่ระดับ 93 และ 87 ตามลำดับ ซึ่งดัชนีคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 5 ปี ปรับเพิ่มขึ้นจากครั้งที่แล้ว จากระดับ 90 ในขณะที่รุ่นอายุ 10 ปี ปรับลดลงจาก 92 โดยดัชนีทั้งสองยังอยู่ในระดับที่สะท้อนถึงทิศทางการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั้ง 5 ปี และ 10 ปี แต่ในพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีมีระดับความเชื่อมั่นลดลง ผู้ตอบแบบสำรวจให้ความสำคัญกับ อุปสงค์ อุปทานในตลาดตราสารหนี้ไทย ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ และ กระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ โดยในรอบนี้ Bond Dealers ยังให้น้ำหนักกับอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นมาด้วย