นายเอนก พนาอภิชน รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าร่วมทุนภายใต้ Venture Capital (VC) ในกลุ่มธุรกิจ Telecom, Media และ Technology (TMT) จำนวน 3 แห่ง โดยคาดว่าในเดือน ก.ย.นี้จะสรุปการเจรจา 1 แห่ง ส่วนที่เหลืออีก 2 แห่งคาดว่าจะสรุปได้ภายในไตรมาส 4/61 ซึ่ง INTUCH มีเป้าหมายเข้าร่วมทุนในสัดส่วน 10-20%
ขณะนี้บริษัทมีวงเงินที่เตรียมไว้สำหรับการร่วมทุนในลักษณะ Venture Capital เหลือประมาณ 170 ล้านบาท จากงบลงทุนทั้งหมดในปีนี้ที่ตั้งไว้ 200 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในปีนี้มีโอกาสที่จะใช้เงินลงทุนในส่วนนี้ได้ตามเป้าหมายหรือสูงกว่าเป้าหมายเล็กน้อย จากปีก่อนมีการใช้งบลงทุน 120 ล้านบาท โดยในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาบริษัทยังไม่เคยใช้เงินลงทุนครบตามที่ตั้งไว้ในแต่ละปีที่ราว 200 ล้านบาท
"เราคาดว่าปีนี้จะใช้ลงทุนได้ถึง 200 ล้านบาท หรือมากกว่า 200 ล้านบาทนิดหน่อย มีอีก 3 ตัวที่อยู่ใน pipeline มี 1 ดีลคาดว่าจะประกาศได้ในเดือนก.ย. และอีก 2 ดีลปิดดีลได้ในช่วงไตรมาส 4...เรามองหารายได้ในระยะยาวเพิ่มขึ้น เพราะเราจะพึ่งพิง AIS อย่างเดียวไม่ได้ เราก็ต้องหาเติมเข้ามา"นายเอนก กล่ว
นายเอนก กล่าวว่า สาเหตุที่ปีนี้มีการใช้เงินลงทุนใน Venture Capital สูงขึ้น เนื่องจากบริษัทมีนโยบายเปิดกว้างในการพิจารณาธุรกิจ Venture Capital มากชึ้น ซึ่งรวมถึงบริษัทเพิ่งเริ่มต้น ยังไม่มีลูกค้า ประกอบกับ Venture Capital ที่เคยติดตามอยุ่นั้นขณะนี้ก็เริ่มเติบโตและเข้าเงื่อนไขที่บริษัทวางไว้ หลังจากบริษัทได้ติดตามมานาน
ทั้งนี้ INTUCH มีธุรกิจ Venture Capital ภายใต้โครงการ Invent ในปัจจุบันมี 14 แห่ง โดยล่าสุด คือบริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัทในเครือ Yello Digital Marketing (YDM) ของประเทศเกาหลีใต้ ที่ดำเนินธุรกิจดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ถือสัดส่วน 8% จำนวน 30 ล้านบาท , บริษัท วีวีอาร์เอเชีย จำกัด เป็นผู้ผลิตและพัฒนาคอนเทนท์ในรูปแบบ virtual reality บนอุปกรณ์สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์อื่น ถือ 5% ของทุนชำระแล้ว คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุน 10 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทที่ลงทุนที่ผ่านมาได้แก่ บริษัท อุ๊คบี จำกัด (Ookbee) ซึ่งเป็นแมกกาซีนออนไลน์ที่ขยายมาเป็นนวนิยายออนไลน์ โดย INTUCH ลงทุนครั้งแรก 58 ล้านบาท หรือเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 20% หลังจากนั้นมีการเพิ่มทุน 2-3 รอบ ทำให้มูลค่าเงินลงทุนของ INTUCH เพิ่มขึ้นเป็น 320 ล้านบาท
บริษัท วงใน มีเดีย จำกัด (WONGNAI) ซึ่ง INTUCH ลงทุนประมาณ 10% , บริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด (Digio) ผู้พัฒนาและให้บริการระบบชำระเงินแบบเบ็ดเสร็จผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่, บริษัท อีเว้นท์ ป๊อป โฮลดิ้งส์ พีทีอี ลิมิเต็ด (Event POP) ผู้พัฒนาและให้บริการแพลตฟอร์มจัดงานอีเวนท์แบบครบวงจร และ บริษัท อีคอมเมิร์ซ เอ็นเนเบลอส์ พีทีอี ลิมิเต็ด (shopback) ผู้รวบรวมร้านค้าออนไลน์ โดยผู้ซื้อสินค้าและบริการจะได้รับเงินคืนในรูปแบบอี-วอลเล็ตสำหรับการซื้อสินค้าหรือบริการในครั้งต่อไป เป็นต้น
ขณะที่ ในปี 61 บริษัทคาดว่าจะได้รับรู้กำไรจาก บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส สัดส่วน 40.45% ตามสัดส่วนการถือหุ้น ขณะที่ INTUCH ถือหุ้นใน บมจ.ไทยคม (THCOM) สัดส่วน 41.14%ซึ่งปีนี้เน้นไป New Business ลดธุรกิจดาวเทียม