นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/61 มีกำไรสุทธิ 584 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 109% ช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 303% จากไตรมาสก่อน โดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากบริษัทรับรู้ผลกำไรจากโครงการร่วมทุนสูงถึง 539 ล้านบาท จากที่มีผลขาดทุน 300 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ บริษัทยังมีอัตรากำไรสุทธิสูงถึง 24% จาก 7% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ ยอดโอนในไตรมาส 2/61 ที่ระดับ 6,759 ล้านบาท ซึ่งรวมยอดโอนจากโครงการร่วมทุนเพิ่มขึ้น 147% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่าเป้าที่วางไว้ 28%
ในช่วงไตรมาส 2/61 บริษัทเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 1 โครงการ และโครงการแนวราบ 1 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7,223 ล้านบาท ประกอบด้วย คอนโดมิเนียมไอดีโอ พระราม 9-อโศก มูลค่าโครงการ 6,822 ล้านบาทใกล้รถไฟฟ้าสถานี MRT พระราม 9 และทาวน์โฮม ยูนิโอ ทาวน์ เพชรเกษม 110 มูลค่าโครงการ 401 ล้านบาท
แม้ว่าบริษัทสามารถสร้างยอดขายจากโครงการใหม่ และโครงการที่เปิดตัวไปก่อนหน้า จำนวน 10,618 ล้านบาท สูงกว่าเป้าที่วางไว้ถึง 39% แต่บริษัทยังคงเป้ายอดขายทั้งปีที่ 35,100 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 2/61 จำนวนกว่า 54,600 ล้านบาทรองรับการโอนใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน
บริษัทมียอดโอนสูงกว่าเป้าที่วางไว้ ตลอดจนโครงการคอนโดมิเนียมแอชตัน จุฬา-สีลม ที่มียอดโอนเกินเป้าหมาย และโครงการแอชตัน อโศก ที่สามารถโอนได้เร็วกว่าคาดในไตรมาส 2/61 จากเดิมที่คาดว่าจะโอนในไตรมาส 4/61 ซึ่งบริษัทยังคงตั้งเป้ายอดโอนเติบโต 152% จากปี 60 เป็น 38,000 ล้านบาทในปี 61
บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่จะโอนในปี 61 มูลค่ากว่า 23,300 ล้านบาท คิดเป็น 85% ของเป้ายอดโอนในช่วงครึ่งปีหลังของปี ซึ่งรวมส่วนแบ่งยอดโอนของอนันดาและมิตซุย ฟูโดซัง มาจากคอนโดมิเนียม 9 โครงการที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนในปี 61 เพิ่มเติมจากคอนโดมิเนียมใหม่ 8 โครงการที่แล้วเสร็จในปี 60
บริษัทมียอดขายสูงกว่าเป้าที่วางไว้ จากโครงการไอดีโอ พระราม 9-อโศก ที่มีอัตราการขายสูงกว่า 63.5% ในช่วงเปิดโครงการใหม่ และมีแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในครึ่งหลังของปีอีก 3 โครงการ โดยผลจากความสำเร็จดังกล่าวมาจากตัวโครงการตั้งอยู่บนทำเลติดรถไฟฟ้า สะดวกสบายในการเดินทาง มีการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆมาปรับใช้ในโครงการเพื่อช่วยเพิ่มสะดวกสบายในการอยู่อาศัย พร้อมราคาที่เหมาะสมสามารถจับต้องได้อย่างแท้จริง
ในส่วนของกระแสเงินสดของบริษัทฯ ยังคงมีความแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นสุดไตรมาสยังคงรักษาเงินสดที่มีมากกว่า 1,500 ล้านบาท