นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเชียกรีน เอนเนอจี (AGE) เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังว่า แนวโน้มธุรกิจมีทิศทางอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ของทุกปีจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของอุตสาหกรรมถ่านหิน
ปัจจุบันมีออเดอร์รอส่งมอบแล้ว 8 แสนตัน จึงมั่นใจว่าเป้าการเติบโตของรายได้รวมในปีนี้จะทำได้ตามแผนที่ 20-25% และตั้งเป้ายอดขายถ่านหินทั้งปีที่ระดับ 3 ล้านตัน โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 20% และในประเทศจะอยู่ที่ 80% เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่สัดส่วนรายได้ต่างประเทศจะอยู่ที่ 17% และในประเทศอยู่ที่ 83% จากการขยายตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม จีน เพิ่มขึ้น
ส่วนธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ขนส่งทางน้ำและทางบก รวมทั้งการให้บริการท่าเรือ และคลังสินค้านั้น บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ที่ 5% ของรายได้รวม โดยภายในครึ่งปีแรกมีการรับมอบเรือลำเลียงครบ 4 ลำ ส่งผลให้ปัจุบันมีเรือลำเลียง จำนวน 12 ลำ และมีแผนสั่งต่อเรือลำเลียงเพิ่มอีก 12 ลำ โดยหลังจากมีการส่งมอบเรือทั้งหมด จำนวนกองเรือลำเลียง ของบริษัทฯเพิ่มเป็น 24 ลำ ในช่วงต้นปี 2562 และสามารถรองรับความต้องการใช้บริการขนส่งทางน้ำ ของบรรดากลุ่มผู้ประกอบการในหลายอุตสาหกรรม ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้บริษัทได้ปรับปรุงพื้นที่จากที่ดินที่ซื้อเพิ่มเติมในช่วงปี 2560 เพื่อขยายพื้นที่คลังสินค้าเพื่อเพิ่ม พื้นที่กองเก็บถ่านหิน และพื้นที่ให้บริการคลังสินค้า ซึ่งคาดว่าเฟสแรกจะเสร็จในช่วงไตรมาส 3 ปี 2561
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 2/61 บริษัทมีรายได้ 2,048 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,362.45 ล้านบาท โดยมีรายได้จากธุรกิจขายถ่านหินอยู่ที่ 1,959 ล้านบาท และ รายได้จากธุรกิจให้บริการที่ 88.14 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ 46.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 33.38 ล้านบาท
ส่วนงวดครึ่งแรกของปี 61 ของบริษัทมีรายได้รวม 3,639.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 2,619.78 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 78.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 44.26 ล้านบาท จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
สาเหตุที่บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น จากการขยายตลาดการขายอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ปริมาณการขายถ่านหินที่ดีขึ้นทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยปริมาณการขายในช่วงครึ่งปีนี้อยู่ที่ 1.69 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 60.45% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณการขายอยู่ที่ 1.05 ล้านตัน ซึ่งเป็นผลมาจากขยายฐานลูกค้าในประเทศ และในต่างประเทศ อาทิเช่นประเทศเวียดนาม รวมถึงรายได้จากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น
"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ จากกลยุทธ์การขยายตลาดที่หลากหลาย โดยเฉพาะ ในตลาดในประเทศ และต่างประเทศที่มีการทำตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะเวียดนามเพิ่มขึ้น ตามความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น และราคาถ่านหินที่สอดคล้องกับดีมานด์ และซัพพลายในตลาดโลก" นายพนม กล่าว