นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐว่า จะพยายามให้จบภายในไตรมาส 1/62 ซึ่งจำเป็นต้องใช้ความรอบคอบเนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ ใช้เงินลงทุนสูง แต่ในส่วนของผู้ร่วมทุนยังไม่เปลี่ยนแปลง
ขณะที่แผนขยายการลงทุนใน CLMV นั้น บริษัทพิจารณาการลงทุนไว้หลายประเทศ เบื้องต้นที่เวียดนาม อินโดนีเซีย และเมียนมา โดยเฉพาะเวียดนามที่บริษัทมองว่ายังมีโอกาสลงทุนโครงการใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทตั้งสำนักงานขายในเวียดนามแล้ว และกำลังพิจารณาตั้งในอินโดนีเซียและเมียนมาภายในปีนี้
อย่างไรก็ตามสัดส่วนยอดขายของบริษัทในตลาดเวียดนามปัจจุบันอยู่ที่ 20% พบว่าความต้องการใช้เม็ดพลาสติกในเวียดนามอยู่ที่ 1 ล้านตันต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านตันภายใน 5 ปีข้างหน้า
สำหรับการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท Siam Mitsui PTA Company Limited (SMPC) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการในธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์กรดบริสุทธิ์เทเรพาธิค (PTA) ในสัดส่วน 74% และ Thai PET Resin Company Limited (TPRC) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการในธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) ในสัดส่วน 74% ทั้งทางตรงและทางอ้อม จากบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (SCG Chemicals) และบริษัท Mitsui Chemicals, Inc. (MCI) คิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 125 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 4,148 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 74% และทาง Mitsui อยู่ที่ 26%
สาเหตุที่ตัดสินใจเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่ามีการผลิตและมีตลาดอยู่แล้ว และยังมองว่าการก่อสร้างใหม่มีราคาแพงกว่า รวมทั้งที่ผ่านมาบริษัทก็ขายวัตถุดิบพาราไซลีนและเอทิลีนไกลคอลให้กับโรงงานดังกล่าว ดังนั้นจึงเป็นการต่อยอดพาราไซลีนด้วย อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอาจปรับเพิ่มกำลังการผลิตให้สมดุลกัน จากปัจจุบันกำลังการผลิต PTA อยู่ที่ 1 ล้านตันต่อปี ขณะที่ PET อยู่ที่เพียง 1.3 แสนตันต่อปีเท่านั้น
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวถึงกรณีวัตถุดิบคงคลังของ บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) สูญหายแล้วต้องบันทึกค่าใช้จ่ายจากความเสียหายราวจำนวน 2,004 ล้านบาทนั้น เบื้องต้นคงกระทบรายได้ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ซึ่งบริษัทถือหุ้นใน GGC ในสัดส่วน 72% แต่คงไม่กระทบมากนักเมื่อเทียบกับรายได้ทั้งหมดของบริษัท