นายชาตรี จันทรงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยง บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) กล่าวว่า บริษัทฯ คาดผลการดำเนินงานในปีนี้จะเติบโตดีกว่าปีก่อน หลังมีการตั้งสำรองลดลงต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นได้ว่าในครึ่งปีแรกมีการตั้งสำรองอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีการตั้งสำรองไว้ที่ 3.1 พันล้านบาท เนื่องจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ค่อนข้างทรงตัวมากขึ้น โดยปีนี้จะควบคุมไม่ให้เกิน 2.7% จากปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 2.7% แล้ว เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/61 ที่อยู่ที่ 2.3% หลังมีสินเชื่อเอเอ็มอี 1 ราย มูลหนี้ 600 ล้านบาท ผิดนัดชำระหนี้ โดยคาดว่าจะสามารถเจรจาแล้วเสร็จภายใน 1 ปี
ทั้งนี้บริษัทฯ คาดสินเชื่อรวมปีนี้จะปรับตัวลดลงราว 5% จากครึ่งปีแรกปรับตัวลงไป 5% แล้ว เมื่อเทียบกับสิ้นปี 60 ส่งผลทำให้พอร์ตสินเชื่อคงค้างครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2.37 แสนล้านบาท จากปีก่อนมีพอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 2.51 แสนล้านบาท ขณะที่ในครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯ เตรียมปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มเติมอีก 2.5 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อใหม่ทั้งปีกว่า 5 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีการปล่อยสินเชื่อใหม่ แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้พอร์ตสินเชื่อกลับมาเป็นบวกได้ เนื่องจากการแข่งขันของอุตสาหกรรมธนาคารยังมีความรุนแรงอยู่ ทั้งการตัดราคาด้านดอกเบี้ย การลดค่าธรรมเนียม เป็นต้น ซึ่งยังต้องจับตาดูอย่าใกล้ชิดว่าจะมีความรุนแรงขึ้นหรือไม่
ขณะที่มองการเติบโตของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ทั้งแบรนด์ทิสโก้ออโต้แคช (TISCO AUTO Cash) และสมหวังเงินสั่งได้ โดยมีมูลค่าพอร์ตสินเชื่อคงค้างรวม 3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นในส่วนของสมหวังเงินสั่งได้จำนวน 1 หมื่นล้านบาท คาดว่าทิสโก้ออโต้แคชจะมีการเติบโต 15-20% ต่อปี และสมหวังเงินสั่งได้เติบโต 30-40% ต่อปี
สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเล็กน้อย โดยยังอยู่ในวิสัยทัศน์ที่สามารถบริหารจัดการได้ ซึ่งคาดว่าอัตราดอกเบี้ยของไทยจะปรับตัวขึ้นอย่างช้าๆ เริ่มตั้งแต่ปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปีหน้า