นายวิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมกาเคม (ประเทศไทย) หรือ MGT เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้รวมปี 61 อยู่ที่ราว 730-750 ล้านบาท หรือเติบโต 26% จากปีก่อน ขณะที่คาดว่ากำไรจะสามารถทำระดับสูงสุดใหม่ มาที่ใกล้เคียงระดับ 80 ล้านบาท หลังในช่วงครึ่งปีแรกทำกำไรสุทธิได้แล้ว 25 ล้านบาท โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถทำกำไรเติบโตได้เป็นตัวเลขสองหลัก จากยอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่จะรับรู้ราว 80% ในปีนี้จากทั้งหมดที่มี 100 ล้านบาท
"พยายามทำให้เกินเป้า ตอนนี้เศรษฐกิจยังไม่ค่อยดีและบาทก็อ่อนเยอะ ทำให้ผู้นำเข้าอย่างเราเจอปัญหา แต่ MGT เป็นบริษัทที่มีความรู้ความสามารถ มีคน มีเครื่องมือ ทำให้ทำได้แม่นยำกว่าและรวดเร็วกว่า ทำให้เราได้ผลประกอบการได้ดีและได้กำไร"นายวิทยา กล่าว
นายวิทยา กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทจัดตั้งบริษัทย่อยภายใต้ชื่อ บริษัท เมกาเคม พลัส จำกัด เพื่อรับโอนกิจการทั้งหมดของบริษัท ซี.เอ็ม.เจ. แองเคอร์ จำกัด ซึ่งประกอบกิจการนำเข้าและจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ประเภทเอทานอล โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 80% ซึ่งปัจจุบันมีผลประกอบการออกมาดีกว่าคาดและเกินเป้าหมาย ทำให้คาดว่ารายได้ไตรมาสที่ 3/61 จะเติบโตมากกว่าไตรมาสที่ 2/61 ซึ่งบริษัทยังพยายามขยายการเติบโตของบริษัท เมกาเคม พลัส จำกัด อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และหาโอกาสในการส่งออกไปยังต่างประเทศด้วย
ขณะเดียวกันบริษัทยังสนใจการขยายธุรกิจอาหารและยาในประเทศเมียนมาผ่านบริษัทย่อย "Megachem (Myanmar) Limited (MML)" ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลเมียนมามีการสนับสนุนให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น โดยบริษัทที่นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 35% ให้ถือว่าเป็นบริษัทเมียนมา ซึ่งจะได้สิทธิในการทำธุรกิจนอกเหนือจากธุรกิจก่อสร้าง, ธุรกิจเกษตรกรรม, และธุรกิจเกี่ยวกับการแพทย์ ปัจจุบันบริษัทรอการประกาศบังคับใช้กฎหมายในเดือนส.ค.61 ซึ่งก็จะเป็นโอกาสการเติบโตในเมียนมาได้อีกมาก
นอกจากนี้ MML ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายใหญ่ในเมียนมา ซึ่งเป็นผู้ผลิตเสาไฟฟ้า เสาเข็ม ให้บริษัทญี่ปุ่นในนิคมอุตสาหกรรมติลาวา โดยคาดว่าจะมีคำสั่งซื้อในระยะต่อไป คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เต็มที่ในปี 62
ส่วนแผนการลงทุนในกัมพูชาคาดว่าจะเข้าไปลงทุนได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ใช้งบลงทุน 5 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการรอดูความชัดเจนด้านทิศทางการเมืองและนโยบายของกัมพูชา ซึ่งคาดว่าจะเข้าไปลงทุนในลักษณะเดียวกันกับในเมียนมา
นายวิทยา กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้าขยายสัดส่วนรายได้ธุรกิจเคมีสำหรับใช้ในอาหารให้แตะ 30 ล้านบาทในปีนี้ จากครึ่งปีแรกทำได้แล้วกว่า 14 ล้านบาท โดยภาพรวมในอีกสองปีข้างหน้าคาดว่าจะทำได้แตะ 100 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพกำลังเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง