นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เนื่องจากโมเมนตัมของการเก็งกำไรในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ น่าจะชะลอตัวลง อันเป็นผลมาจากการปรับน้ำหนักหุ้นไทยของ MSCI คาดว่าจะประกาศในวันที่ 13 ส.ค.นี้ มีความเสี่ยงที่น้ำหนักหุ้นไทยจะถูกปรับลดลง ซึ่งก็จะทำให้เกิดแรงขายปรับพอร์ตของนักลงทุน เพื่อไปเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้น A-Share ของจีน
นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงในเรื่องของการเลือกตั้งด้วย หลังจากที่มีการเสนอให้แก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกี่ยวกับประเด็นผู้ตรวจการเลือกตั้ง ทำให้การเลือกตั้งมีโอกาสที่จะล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ดีเรื่องคงจะต้องรอดูความชัดเจนในวันที่ 24 ส.ค.นี้อีกที
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ บรรยากาศดูชะลอตัว รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย อย่างไรก็ดี ภาพตลาดหุ้นไทยถือว่ายังดี เพียงแต่ดัชนีฯปรับขึ้นมาเกือบ 140 จุดแล้ว ทำให้ต้องเผชิญแรงขายทำกำไรระหว่างทางบ้าง โดยเฉพาะเมื่อเสร็จสิ้นการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน พร้อมมองตลาดฯมี Upside จำกัดบริเวณ 1,720-1,730 จุด
ทั้งนี้ให้แนวรับ 1,710 จุด ส่วนแนวต้าน 1,730 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (9 ส.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,509.23 จุด ลดลง 74.52 จุด (-0.29%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,853.58 จุด ลดลง 4.12 จุด (-0.14%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,891.78 จุด เพิ่มขึ้น 3.46 จุด (+0.04%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 8.52 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.98 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 7.43 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 18.11 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 8.50 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 31.01 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.68 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ส.ค.61) 1,722.48 จุด เพิ่มขึ้น 0.84 จุด (+0.05%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 663.10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 ส.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (9 ส.ค.61) ปิดที่ 66.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 13 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 ส.ค.61) ที่ 6.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.24 แนวโน้มอ่อนค่าหลังดอลล์แข็ง คาดกรอบวันนี้ 33.15-33.30 ,จับตาเงินเฟ้อสหรัฐฯ
- กบง.ยื้อเคาะแนวทาง ต่ออายุโรงไฟฟ้าเอสพีพี โคเจนเนอเรชั่น ที่สิ้นสุดสัญญาขายไฟปี 2560-2568 รวม 25 ราย เกือบ 2 พันเมกะวัตต์ อ้างยังไม่ได้ข้อสรุปโยนกพช.ชี้ชะตาต่อ ด้านสมาคม ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนห่วงกระทบความเชื่อมั่น นักลงทุนในอีอีซี หลังต่ออายุซื้อไฟล่าช้ามา 2 ปี
- "อุตตม" ลงพื้นที่ชลบุรีเปิดเวทีเอสเอ็มอีสัญจรครั้งที่ 2 หนุนแผนเอกชนบูมเศรษฐกิจฐานราก อุ้มเอสเอ็มอี 2.5 แสนรายเชื่อมอีอีซีและระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (EFC) เอกชนชงปั้น "เอสเอ็มอี-สตาร์ทอัพ" เชื่อมการผลิต เกษตรแปรรูป การท่องเที่ยวและบริการ คาดสร้างเม็ดเงิน 3 ปี มูลค่า 5.6 หมื่นล้านบาท
- ราคาที่ดินในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ใน 3 จังหวัด ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ขยับขึ้นแรง หลังจากที่รัฐบาลประกาศแผนการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ราคาพุ่งไม่ต่ำกว่า 50% และประเมินว่าราคาที่จะขยับขึ้นเกินกว่า 100% หรือกว่าเท่าตัวในปี 2565 หลังโครงการอีอีซีชัดเจนเต็มรูปแบบ
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เป็นประธาน มีมติรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนขนาดถัง 15 กิโลกรัม (กก.) อยู่ที่ 363 บาท ตลอดไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยความเคลื่อนไหวของราคาแอลพีจีตลาดโลกยังมีความผันผวนทั้งปรับขึ้น และลงสองทิศทาง ล่าสุดเดือน ส.ค.นี้ ราคาแอลพีจีตลาดโลกเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 25 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน อยู่ที่ 587.50 ดอลลาร์/ตัน
- รมว.คลัง เปิดเผยว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขณะนี้มีทั้งปรับขึ้นและลดลง ขึ้นอยู่กับสภาพตลาดและการบริหารของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่ง เช่น ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้เงินมากในระยะข้างหน้า อัตราดอกเบี้ยก็มีทิศทางปรับขึ้นซึ่งเป็นเรื่องปกติ
- พีพีพีด่านเก็บค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช, บางใหญ่-กาญจนบุรี มูลค่า 6.1 หมื่นล้านยังติดหล่ม เหตุ กก.ม.35 ยังไม่เห็นชอบทีโออาร์สัดส่วนร่วมทุน ระยะเวลาก่อสร้าง ทล.รับหากช้ากระทบแผนก่อสร้าง เตรียมแผน 2 รองรับแล้ว
*หุ้นเด่นวันนี้
- SVI (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 5.1 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/61 ที่ 146 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91%qoq และ 15%yoy จากแรงหนุนของยอดขายที่เติบโต 25%yoy ขณะที่ค่าเงินเริ่มนิ่ง ทำให้การบริหารจัดการต้นทุนทำได้ง่ายขึ้นส่งผลให้ความเสี่ยงจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนลดลง
- IRPC (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 8 บาท แนวโน้มไตรมาส 3 ยังทรงตัว มองว่าค่าการกลั่นทำจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยคาดผลประกอบการไตรมาส 3 น่าจะทรงตัวได้ (1) มีการปิดซ่อมบำรุงทำให้กำลังการกลั่นอยู่ที่ประมาณ 200 KBD หรือลดลงประมาณ 5% (2) ค่าการกลั่นกลับตัวยืนอยู่เหนือ 6.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (3) Crude Premium ปรับตัวลง โดย IRPC ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 กำไรสุทธิ 4,050 ล้านบาท +48% qoq+230% yoy โดยหลักเป็นผลมาจากกำไรสต๊อกน้ำมันประมาณ 2,215 ล้านบาท ยอดขายไตรมาสนี้อยู่ที่ 70,902 ล้านบาท +7% qoq ,+30% yoy เป็นผลจากทั้งปริมาณขายและราคาขาย
- KBANK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 235 บาท เป็นธนาคารที่ได้รับประโยชน์มากหากอัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น เพราะมีส่วนผสมของสินเชื่อธุรกิจและ SME ซึ่งส่วนใหญ่คิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ราว 70% ของสินเชื่อรวม นอกจากนี้ ยังมี NIM ดีสุดในกลุ่มแบงก์ใหญ่ที่ 3.4-3.5% VS ธนาคารอื่น 3% ยิ่งสะท้อนความได้เปรียบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ พร้อมคาดการณ์กำไรปี 2561 ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท +13.8%Y-Y เติบโตดีสุดในกลุ่มธนาคารใหญ่ (ยกเว้น KTB ที่มีเรื่องการปรับลดสำรองฯ)