นายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ลีซอิท (LIT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 บริษัทมีรายได้รวม 102.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.97% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 39.59 บาท เพิ่มขึ้น 8.17% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่พอร์ตลูกหนี้สินเชื่ออยู่ที่ 2,318 ล้านบาท และมียอดปล่อยสินเชื่อถึง 5,171 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2561 มีรายได้รวม 216.28 ล้านบาท เพิ่ม 9.98% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 76.36 ล้านบาท เพิ่ม 7.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
"มั่นใจว่ายอดปล่อยสินเชื่อในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นเป็น 13,000 ล้านบาท และทำรายได้เติบโตเกิน 20% ตามเป้าหมายที่วางไว้ ลุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 นับตั้งแต่ที่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯประกอบกับในทุกปีไตรมาสที่ 3 จะเป็นช่วง High Season ของบริษัท ซึ่งมีแนวโน้มที่ลูกค้าของบริษัทจะทยอยมาใช้บริการสินเชื่อเพื่อไปประมูลงานและทำงานให้กับภาครัฐมากที่สุด
และถึงแม้ว่าในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาอัตราการเติบโตในการทำกำไรจะดูชะลอลง แต่หากพิจารณาให้ดีแล้วจะพบว่าในไตรมาสนี้บริษัทยังคงเป้าหมายในการสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในปริมาณที่สูงมากอยู่เนื่องจากบริษัทมีความมุ่งหวังที่ต้องการเห็นการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมกับรักษาผลกำไรสูงขึ้นต่อเนื่อง"นายสมพล กล่าว
นายสมพล กล่าวอีกว่า แม้บริษัทจะมีจุดแข็งในด้านของการปล่อยสินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว ยืดหยุ่น ตอบโจทย์ลูกค้า และลูกค้าไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ก็ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง โดยบริษัทมีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาสที่ 2/61 เป็น 6.25% ของยอดลูกหนี้คงเหลือ อีกทั้ง บริษัทมีนโยบายในการคัดกรองลูกค้าอย่างเข้มงวดเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 61 บริษัทจะมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยบริษัทตั้งเป้าหมายขยายพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อรวมให้ไปถึง 2,690 ล้านบาท อีกทั้งยังกำหนดเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อ 13,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้เติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 20-30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมุ่งเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ผ่านช่องทาง Digital Marketing ในการหาลูกค้ารายใหม่ ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยง โดยมีนโยบายตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญในสัดส่วน (Reserve) 7% ของยอดลูกหนี้คงเหลือสุทธิจากหลักประกัน เพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS9