นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็กโซติค ฟู้ด (XO) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้าหมายรายได้ทั้งปี 61 ที่วางไว้จะเติบโต 5-10% เป็นเติบโต 10-15% เทียบกับปี 60 ที่มีรายได้รวม 947 ล้านบาท โดยทำสถิติสูงสุดใหม่ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัททั้งรายได้และกำไร เนื่องจากบริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการงวดครึ่งปีหลังจะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก จากแผนการบริหารจัดการภายในที่ดี ได้รับผลบวกจากต้นทุนวัตถุดิบหลักทั้งน้ำตาลและกระเทียมที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
อีกทั้งบริษัทจะมีการทยอยปรับราคาขายสินค้าขึ้นในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้ทั้งในส่วนของยอดขายที่เป็นสกุลเงินบาทและดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันมากกว่า 90% ของยอดขายทั้งหมด โดยเฉลี่ยปรับราคาขายขึ้นในกรอบ 1.5-6.5% ในแต่ละสินค้าไม่เท่ากัน สนับสนุนผลประกอบการซึ่งจะสามารถทำนิวไฮรายไตรมาสได้อีก
ขณะที่ในงวดไตรมาส 2/61 บริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 43.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 176.54% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 15.60 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 263.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.95% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 227.23 ล้านบาท กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 98.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.44% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 73.40 ล้านบาท
สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 61 บริษัทมีกำไรสุทธิ 89.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 196.84% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 30.04 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิ 16.77% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 6.23% มีรายได้จากการขาย 531.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.27% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 482.10 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายสินค้ากลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆ ซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มหลัก ในงวดครึ่งปีแรกมีสัดส่วนสูงถึง 79.4% ของรายได้จากการขายทั้งหมด และมีปริมาณการขายสินค้ารวมเติบโตขึ้นอยู่ที่ 7,191 ตัน
ต้นทุนขายอยู่ที่ 337.18 ล้านบาท ลดลง 0.61% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 339.26 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการลดลงของราคาวัตถุดิบ และการกลับรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้า ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้น 194.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.13% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 142.84 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 36.58% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 29.63%
สาเหตุหลักมาจากการลดลงของราคาวัตถุดิบหลักทั้งน้ำตาลทรายและกระเทียม นอกจากนี้ ในงวดครึ่งปีแรกของปี 60 มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการย้ายฐานการผลิตไปโรงงานใหม่ ที่นิคมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานที่ซ้ำซ้อนกันระหว่างโรงงานที่แหลมฉบังและที่อมตะซิตี้ ประกอบกับโรงงานแห่งใหม่อยู่ในช่วงเริ่มต้น ทำให้การผลิตยังไม่มีประสิทธิภาพเต็มที่ ปัจจุบันโรงงานแห่งใหม่สามารถใช้อัตรากำลังการผลิตที่ระดับ 51% เรียบร้อยแล้ว ขณะที่โรงงานแห่งเก่ายังใช้ผลิตสินค้ากลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มที่มีออเดอร์ขนาดเล็ก และผลิตกลุ่มสินค้าอื่นๆ อาทิ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงแกง กลุ่มเครื่องดื่ม และกลุ่มอาหารสำเร็จรูป
"จากความสำเร็จของโรงงานแห่งใหม่ที่นิคมอมตะซิตี้ สนับสนุนผลงานในปีนี้ให้โดดเด่นตั้งแต่ไตรมาสแรก ขณะที่ไตรมาส 2/61 ยังเดินหน้าตามแผน สนับสนุนรายได้จากการขายในงวดครึ่งปีแรกให้เติบโตขึ้น และมียอดขายเป็นสกุลเงินบาท 60% สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 30% สกุลเงินยูโร 10% ขณะที่การเพิ่มขึ้นของยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้น รวมทั้งได้ผลบวกจากต้นทุนการขายและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ลดลง สนับสนุนให้กำไรสุทธิเติบโตอย่างน่าประทับใจ มาอยู่ที่ 89 ล้านบาท ทุบสถิติกำไรสุทธิในปีก่อนที่ 59 ล้านบาท และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในปี 57 อยู่ที่ 86 ล้านบาท" นายจิตติพร กล่าว