นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) คาดว่า ผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรในส่วนรถไฟฟ้าในปี 62-63 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการเปิดเดินรถส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และ บางซื่อ-ท่าพระ โดยในปี 62 จะเปิดเดินรถช่วงหัวลำโพง -บางแค ในเดือนก.ย. คาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารเติบโต 12% จากปีนี้คาดว่าจำนวนผู้โดยสารเติบโต 4% ส่วนรายได้ในปี 62 คาดว่าจะเติบโตมากกว่า 10% จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้เติบโต 8%
และในปี 63 คาดว่าจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นราว 20% หลังเปิดเดินรถอีกช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ในเดือนมี.ค. 63 และคาดว่ารายได้จะเติบโตมากกว่า 20% เนื่องจากบริษัทรับรู้การเดินรถสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง -บางแค เต็มปี ขณะที่รายได้จากการเดินรถ ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ หายไปเพียงไตรมาสเดียว
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า การเดินรถในเส้นทางที่มีระยะทางมากขึ้นจะทำให้ผู้โดยสารเดินทางมากสถานี โดยปัจจุบันเดินทางเฉลี่ย 5-6 สถานี ก็จะคาดจะเพิ่มเป็น 8-9 สถานี ทำให้รายได้ต่อคนต่อเที่ยวมากขึ้น ทั้งนี้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้กำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทั้งเส้นที่อัตรา 14-42 บาท
"เราจะ Jump ในปี 62-63 Jump ด้วยการเดินรถส่วนต่อขยายของเราเอง (สายสีน้ำเงิน) รายได้มีแนวโน้มเติบโตมากกว่าจำนวนผู้โดยสาร ด้วยการเดินทางที่ยาวขึ้น ไม่ใช่ราคาค่าโดยสาร"นายสมบัติ กล่าว
ทั้งนี้ รถไฟฟ้าขบวนใหม่จะเริ่มทยอยเข้ามาครบ 12 ขบวนก่อนการเปิดให้บริการใน ก.ย. 62 และทยอยเข้ามาอีก ให้ครบ 35 ขบวนก่อนเปิดให้บริการในมี.ค. 63 จากปัจจุบันบริษัทมีรถไฟฟ้าที่ใช้บริการอยู่ 19 ขบวน
ขณะที่ นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่ารฟม. คาดว่า หลังการเปิดเดินรถ ก.ย. 62 ช่วงหัวลำโพง -บางแค คาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มเป็น 4 แสนคน/วัน หรืออาจจะเพิ่มเป็น 4.5 แสนคน/วัน และในปี 63 ที่เปิดเดินรถช่วงบางซื่อ-ท่าพระ คาดจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มเป็น 5 แสนคน/วัน จากปัจจุบันมีจำนวนผู้โดยสารเส้นทางหัวลำโพง-เตาปูน 3 แสนคน/วัน หรือวันธรรมดาอยู่ที่ 3.5 แสนคน/วัน