นางสาวนาลิวัน ชินะผา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักการลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ไทยคม (THCOM) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้รวมในปี 61 จะลดลงจากปีก่อน หลังครึ่งปีแรกรายได้ลดลงแล้ว 17.2% แต่คาดว่าอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ,ภาษี ,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) จะดีขึ้นมาที่ระดับ 40-45% หลังบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างรอความชัดเจนในกฎกติกาหลังหมดสัมปทานดาวเทียมไทยคม 4,5,6 ในปี 64 โดยบริษัทสนใจมีส่วนร่วมในกระบวนการที่ภาครัฐกำหนด ซึ่งหวังว่ากติกาที่ออกมาจะมีความเท่าเทียม อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนการดำเนินงานรองรับโดยเป็นแนวทางที่กำลังดำเนินการอย่างจริงจังและให้ความสำคัญ ในการร่วมทุนทำดาวเทียมขนาดใหญ่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการกับพันธมิตรต่างชาติซึ่งมองว่าสามารถตอบโจทย์ต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำได้ และไม่มีความเสี่ยงจากกฎกติกาเนื่องจากไม่ต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลไทยเพราะมีการใช้กฎกติกาตามนานาชาติ แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถกล่าวถึงรายละเอียดได้
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในจีนเพื่อเข้าบริหารจัดการดาวเทียม ซึ่งทางพันธมิตรจีนลงทุนเองทั้งหมด 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปได้ในปี 61 โดยบริษัทจะทยอยรับรู้รายได้ตามสัญญาการรับจ้างบริหารเป็นระยะเวลา 3 ปี
ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาธุรกิจเสริมซึ่งเป็นธุรกิจที่ใกล้เคียงกับธุรกิจหลัก (Adjacent Business) อาทิ Maritime, LOOX TV, 4K (Ultra HD) และ Direct-to-Home โดยธุรกิจ Maritime หรือธุรกิจการให้บริการระบบสื่อสารบนเรือ (Nava service) ปัจจุบันมีการให้บริการกับเรือหลายประเภท เช่น เรือสำรวจปิโตเลียม เรือขนส่ง เรือเฟอรี่ ในประเทศไทย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นค่อนข้างดีและไม่มีคู่แข่ง ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ไม่เกิน 5% จากการให้บริการในปีนี้ 80-90 ลำ ทั้งนี้ในปี 62 บริษัทมีแผนการขยายฐานลูกค้าไปสู่เรือประมงมากขึ้นซึ่งมีตลาดค่อนข้างใหญ่
ส่วนธุรกิจ LOOX TV ซึ่งเป็น application การรับชมโทรทัศน์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตบนมือถือรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป มองว่าเป็นธุรกิจที่เสริมช่องทางให้ผู้บริโภคได้รับชมเนื้อหาของลูกค้าของบริษัทมากขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจมีการรับการโฆษณาเข้ามาเพื่อสร้างรายได้ จากปัจจุบันยังไม่มีสัดส่วนรายได้อย่างมีนัยยสำคัญ
ขณะที่การถ่ายทอดรายการความละเอียดระดับ 4K หรือ Ultra HD ซึ่งเป็นประสบการณ์การให้บริการรูปแบบใหม่ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อการขยายฐานรายได้ จากปัจจุบันมีการได้ให้บริการแล้วผ่านลูกค้าอย่างทรูวิชั่นส์ ซึ่งมองว่าธุรกิจดังกล่าวสามารถเป็นแหล่งรายได้ใหม่ได้ โดยล่าสุดมีการเจรจากับพันธมิตรเพื่อร่วมมือสนับสนุนในการเผยแพร่ 4K ในประเทศไทย
ด้านธุรกิจ Direct-to-Home ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทมองโอกาสการเติบโตในระยะยาวได้ในประเทศเมียนมา ซึ่งมองว่าในประเทศไทยเริ่มมีการอิ่มตัวแล้ว
นอกจากนี้บริษัทยังมองหาโอกาสและศึกษาการขยายธุรกิจใหม่ ๆ ในแผนระยะยาว อาทิ การทำ VDO Analytics, Robotic และ Drone ที่ปัจจุบันเป็นสิ่งที่ทั้งโลกใช้งานมากขึ้น ซึ่งมองศักยภาพของบริษัทที่น่าจะเหมาะสมกับธุรกิจประเภทดังกล่าวเช่นการใช้ภาพวิดีโอในการวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคสำหรับการทำ Big data